ในยุคที่งานล้นมือและชีวิตเร่งรีบ พนักงานออฟฟิศหลายคนต้องเจอกับปัญหา “นอนดึก” แทบทุกวัน ไม่ว่าจะเพราะงานด่วน ปิดโปรเจกต์ หรือแม้แต่การใช้เวลาหลังเลิกงานดูซีรีส์ เล่นมือถือ หรือเลื่อนโซเชียลก่อนนอน ผลลัพธ์คือเวลานอนลดลง ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ และผิวก็ส่งสัญญาณเตือนออกมาในรูปแบบของ สิว
สิวนอนดึกไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามหรือภาพลักษณ์ แต่ยังสะท้อนถึงสุขภาพภายในที่กำลังเสียสมดุล โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศที่ต้องเจอกับความเครียด แสงจากหน้าจอ และมลภาวะในเมือง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้ “สิวนอนดึก” เกิดง่ายและหายยาก
สารบัญ
ทำไมการนอนดึกถึงทำให้สิวขึ้นง่าย
หลายคนอาจสงสัยว่าแค่นอนดึกทำไมถึงสิวขึ้นได้ง่าย คำตอบอยู่ที่การทำงานของร่างกายในช่วงกลางคืนที่ถูกออกแบบมาให้ซ่อมแซมตัวเอง แต่เมื่อเราขัดขวางกระบวนการนี้ด้วยการนอนดึก ระบบต่าง ๆ ก็รวนและส่งผลต่อผิวโดยตรง
ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) สูงขึ้น
การอดนอนเป็นตัวกระตุ้นความเครียด ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่สูงขึ้นทำให้การอักเสบในร่างกายเพิ่มขึ้น รวมถึงการอักเสบในรูขุมขน ส่งผลให้สิวเห่อและหายช้าลง
ฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ลดลง
เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างตอนนอนหลับ มีบทบาทเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและซ่อมแซมผิว การนอนดึกทำให้ฮอร์โมนนี้ลดลง ผิวจึงฟื้นตัวช้า
ภูมิคุ้มกันผิวอ่อนแอ
ร่างกายที่พักผ่อนไม่เพียงพอทำให้เซลล์ผิวและระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถป้องกันเชื้อแบคทีเรีย P. acnes ได้ดี ทำให้สิวเกิดง่าย
พฤติกรรมตอนดึกเพิ่มความเสี่ยง
เช่น กินขนมหวานหรืออาหารมัน ๆ ก่อนนอน, ล้างหน้าไม่สะอาดเพราะง่วง, หรือแม้แต่นอนคาเมคอัพ สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้สิวเห่อ
ตำแหน่งสิวที่พบบ่อย จากการนอนดึก
ศาสตร์การดูตำแหน่งสิว (Face Mapping) เชื่อว่าการเกิดสิวในแต่ละจุดสะท้อนถึงพฤติกรรมและสุขภาพภายใน สำหรับสิวนอนดึก เรามักพบในตำแหน่งเหล่านี้
- หน้าผาก
สิวบริเวณนี้มักเกี่ยวข้องกับความเครียดและการทำงานของระบบย่อยอาหาร การนอนดึกทำให้ร่างกายเครียดและระบบขับถ่ายรวน จึงเกิดสิวง่าย - ขมับและไรผม
อาจเกิดจากการสะสมของเหงื่อและน้ำมัน โดยเฉพาะถ้าคุณใส่หูฟังนาน ๆ หรือใช้หมวกกันน็อคหลังเลิกงานดึก - คางและกราม
จุดนี้มักเชื่อมโยงกับฮอร์โมน การนอนดึกทำให้ฮอร์โมนเพศไม่สมดุล สิวจึงขึ้นรอบคางและกรามบ่อย - แก้ม
อาจเกี่ยวกับสุขภาพปอดและการสัมผัสสิ่งสกปรก เช่น มือสกปรก มือถือ หรือปลอกหมอนที่ไม่ได้ซัก
ประเภทของสิวนอนดึกและตำแหน่งที่พบบ่อย
ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าสิวนอนดึกไม่ได้เป็นสิวประเภทใหม่ที่แพทย์ผิวหนังตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ แต่เป็นคำที่ใช้เรียกสิวที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรม “นอนดึก” หรือ “อดนอน” ต่อเนื่อง ส่งผลให้ร่างกายและผิวเสียสมดุล
การนอนดึกทำให้วงจรฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ ฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ฮอร์โมนเมลาโทนินลดลง ภูมิคุ้มกันผิวอ่อนแอ ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น และเกิดการอุดตันง่ายขึ้น ส่งผลให้สิวนอนดึกมีลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ดังนี้
- สิวอุดตันหัวขาว (Whiteheads)
เกิดจากการอุดตันของไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วภายในรูขุมขน เมื่อร่างกายพักผ่อนไม่พอ การผลัดเซลล์ผิวจะช้าลง ทำให้สิวอุดตันสะสมและเห็นเป็นตุ่มขาวเล็ก ๆ บนผิว - สิวอุดตันหัวดำ (Blackheads)
เกิดเมื่อรูขุมขนที่อุดตันสัมผัสกับอากาศจนไขมันออกซิไดซ์กลายเป็นสีดำ
คนที่นอนดึกมักผิวมันมากขึ้น ทำให้หัวสิวเปิดและเกิดสิวหัวดำได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณจมูกและคาง - สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)
การนอนดึกกระตุ้นให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงขึ้น ทำให้เกิดสิวอักเสบง่าย สิวประเภทนี้มักเจ็บ แดง และบวม บางครั้งมีหนองร่วมด้วย - สิวผด (Fungal Acne / Heat Rash)
ผิวที่อ่อนแอจากการอดนอนทำให้เชื้อราและแบคทีเรียเติบโตได้ง่ายขึ้น สิวผดจะขึ้นเป็นเม็ดเล็ก ๆ คัน มักขึ้นบริเวณหน้าผากหรือไรผม - สิวฮอร์โมน (Hormonal Acne)
การนอนดึกบ่อย ๆ ทำให้ระบบฮอร์โมนรวน สิวฮอร์โมนมักขึ้นช่วงคาง กราม และรอบปาก
วิธีรับมือสิวนอนดึกแบบตรงจุด

การรักษาสิวนอนดึกต้องแก้ทั้ง “ต้นเหตุ” และ “ปลายเหตุ” ต้นเหตุ คือ นิสัยการนอนที่ไม่เป็นเวลาและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ปลายเหตุ คือ การจัดการสิวและผิวที่อักเสบอยู่แล้วให้หายไวขึ้น ลดรอย และป้องกันการเกิดซ้ำ
1. ปรับเวลานอนและคุณภาพการนอน
การนอนให้เพียงพอ (7–8 ชั่วโมง) เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด เพราะร่างกายจะได้มีเวลาซ่อมแซมเซลล์ผิว
ลองกำหนดเวลานอน-ตื่นให้คงที่ทุกวัน ปิดหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง และใช้ไฟสลัวเพื่อกระตุ้นการหลั่งเมลาโทนิน
2. ลดความเครียด
ใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก ๆ ทำสมาธิ หรือออกกำลังกายเบา ๆ หลังเลิกงาน
การลดคอร์ติซอลในร่างกายจะช่วยให้การอักเสบลดลงและสิวหายไวขึ้น
3. ใช้สกินแคร์ต้านสิว
เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารออกฤทธิ์ เช่น
- Niacinamide – ลดการอักเสบ ควบคุมความมัน และฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว
- Benzoyl Peroxide – ฆ่าเชื้อ Cutibacterium acnes ที่เป็นสาเหตุของสิวอักเสบ
4. ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน
ใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงเกินไป
พนักงานออฟฟิศที่เจอมลภาวะและแสงจากหน้าจอทั้งวันควรล้างหน้าหลังเลิกงานเพื่อลดการสะสมของน้ำมันและฝุ่น
5. ปรับอาหาร
เพิ่มผัก ผลไม้ และอาหารที่มีโอเมก้า-3 เพื่อช่วยลดการอักเสบ
หลีกเลี่ยงน้ำตาลและอาหารมันจัด เพราะกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน
ผลกระทบระยะยาวของการนอนดึกต่อผิว
แม้สิวนอนดึกบางครั้งจะหายไปเอง แต่ถ้าคุณนอนดึกเป็นนิสัย ผลกระทบต่อผิวจะสะสมและชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
- ผิวหมองคล้ำ
การนอนดึกทำให้การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงผิวน้อยลง ผิวจึงดูหมองและอ่อนล้า - รอยสิวและแผลหายช้า
กระบวนการซ่อมแซมผิวช้าลง ทำให้รอยดำ–รอยแดงอยู่กับเรานานกว่าปกติ - เสี่ยงสิวเรื้อรัง
เมื่อฮอร์โมนและการผลิตน้ำมันไม่สมดุล สิวจะกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย - คอลลาเจนเสื่อมเร็ว
ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย และผิวหย่อนคล้อยเร็วกว่าคนที่นอนเพียงพอ
วิธีรับมือสิวนอนดึก
แม้จะเลี่ยงการนอนดึกไม่ได้ 100% โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ แต่เราสามารถลดผลกระทบต่อผิวได้ด้วยวิธีเหล่านี้
- ปรับเวลานอนให้สม่ำเสมอ
แม้ต้องนอนดึก ก็ควรนอนให้ครบ 6–8 ชั่วโมงและพยายามนอน–ตื่นเวลาเดิมทุกวัน - ใช้สกินแคร์ลดการอุดตัน
เลือกคลีนเซอร์ที่อ่อนโยนและมีส่วนผสม BHA หรือ Niacinamide เพื่อควบคุมความมัน - ดื่มน้ำและกินอาหารผิว
เลือกอาหารที่มีโอเมก้า-3, วิตามินซี และสังกะสี เพื่อลดการอักเสบ - ลดความเครียด
ใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลงเบา ๆ หรือทำสมาธิ 5 นาที ก่อนนอน
การรักษาสิวนอนดึกแบบทางการแพทย์
หากสิวนอนดึกมีอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นแม้ปรับพฤติกรรมแล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อใช้การรักษาที่เหมาะสม
ยาทาเฉพาะจุด
- เช่น Benzoyl Peroxide ที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อ Propionibacterium acnes (P. acnes) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของสิวอักเสบ และช่วยลดความมันบนผิว ทำให้สิวแห้งเร็วขึ้น
- หรือกลุ่ม Retinoids (เช่น Adapalene, Tretinoin) ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อลดรอยสิวในระยะยาว แต่อาจทำให้ผิวลอกหรือระคายเคืองในช่วงแรก ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
ยากิน
- ยาปฏิชีวนะ เช่น Doxycycline หรือ Minocycline ใช้ในกรณีสิวอักเสบรุนแรงเพื่อลดเชื้อและการอักเสบ โดยมักใช้ต่อเนื่อง 6–12 สัปดาห์ และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อป้องกันการดื้อยา
- ยาฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิดบางชนิด หรือยากลุ่ม Anti-Androgen (เช่น Spironolactone) ใช้ในผู้หญิงที่มีสิวจากฮอร์โมนไม่สมดุล เช่น นอนดึกบ่อย เครียดเรื้อรัง ซึ่งทำให้ฮอร์โมนเพศชายสูงขึ้นและกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิว
ทรีทเมนต์ Monopolar RF/เลเซอร์ / IPL / LED Light
- เลเซอร์ลดการอักเสบ และทำลายเชื้อสิว เช่น Monopolar RF เลเซอร์ ลดการอักเสบ หรือ IPL (Intense Pulsed Light) ช่วยให้รอยแดงและสิวอักเสบลดลงเร็ว
- LED Light Therapy โดยใช้แสงสีฟ้าเพื่อฆ่าเชื้อสิว และแสงสีแดงเพื่อลดการอักเสบและกระตุ้นการซ่อมแซมผิว เหมาะสำหรับคนที่มีสิวอุดตันและสิวอักเสบเรื้อรังจากการพักผ่อนน้อย
การกดสิวอย่างปลอดภัยโดยแพทย์
- การกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญจะช่วยนำหัวสิวออกอย่างถูกวิธี ลดโอกาสที่สิวจะอักเสบหรือติดเชื้อเพิ่ม
- แพทย์จะใช้เครื่องมือปลอดเชื้อและเทคนิคเฉพาะเพื่อลดการบาดเจ็บของผิว ช่วยให้รอยสิวและรอยดำเกิดน้อยลงเมื่อเทียบกับการกดเองที่บ้าน
การป้องกันสิวนอนดึกในชีวิตประจำวันของพนักงานออฟฟิศ
การป้องกันดีกว่าการรักษาเสมอ สำหรับคนทำงานดึก เทคนิคเหล่านี้ช่วยให้สิวเกิดน้อยลง
- จัดตารางงานล่วงหน้า
- พักสายตาและผิวระหว่างวัน ลดความมันสะสม
- เลี่ยงอาหารมัน–หวานก่อนนอน
- เปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าเช็ดหน้าบ่อย ๆ
จัดการสิวนอนดึก พร้อมคำแนะนำจาก The One Clinic
สิวนอนดึกเป็นปัญหาที่พนักงานออฟฟิศจำนวนมากต้องเผชิญ เนื่องจากรูปแบบการทำงานที่ทำให้เวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ แม้จะเลี่ยงการนอนดึกไม่ได้ทั้งหมด แต่การปรับพฤติกรรม ดูแลผิวอย่างถูกวิธี และรักษาอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ผิวฟื้นตัวและลดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
The One Clinic พร้อมดูแลปัญหาสิวทุกประเภท รวมถึงสิวนอนดึก ด้วยการวิเคราะห์สภาพผิวอย่างละเอียดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมแนะนำการรักษาที่เหมาะสม ทั้งทรีทเมนต์ ยา และการดูแลต่อเนื่อง เพื่อให้คุณกลับมามีผิวใสและความมั่นใจเต็มร้อยอีกครั้ง
FAQ – คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวนอนดึก

Q: สิวนอนดึกหายเองได้ไหม?
A: บางครั้งสิวนอนดึกอาจหายเองหากพักผ่อนเพียงพอและดูแลผิวอย่างถูกวิธี แต่หากมีการอักเสบมากหรือเป็นซ้ำบ่อย ควรพบแพทย์
Q: ต้องนอนกี่ชั่วโมงผิวถึงจะดีขึ้น?
A: ควรนอน 7–8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายมีเวลาฟื้นฟูผิวเต็มที่
Q: ทำงานดึกทุกวันมีวิธีป้องกันสิวยังไง?
A: ควบคุมอาหาร ล้างหน้าให้สะอาดแม้จะง่วง และใช้สกินแคร์ลดการอุดตัน
Q: สิวนอนดึกต่างจากสิวฮอร์โมนไหม?
A: สิวนอนดึกเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่สามารถกระตุ้นสิวฮอร์โมนได้เพราะฮอร์โมนเพศรวน
Q: ใช้ครีมแต้มสิวหรือไปคลินิก อันไหนเห็นผลเร็วกว่า?
A: การไปคลินิกมักเห็นผลเร็วกว่า เพราะมีการใช้ยาหรือทรีทเมนต์เฉพาะบุคคล