“สิวอุดตันเต็มหน้า! ปัญหาที่ทำให้หลายคนขาดความมั่นใจทุกครั้งที่ส่องกระจก แล้วสิวอุดตันเกิดจากสาเหตุอะไร? และเราจะป้องกันหรือรักษาอย่างไรให้เห็นผลได้จริง? มาหาคำตอบกัน พร้อมเคล็ดลับดูแลผิวที่ช่วยให้ใบหน้ากลับมาเรียบเนียนไร้สิวอีกครั้ง!”
สิวอุดตัน (Clogged Pores) คืออะไร
สิวอุดตัน (Clogged Pores หรือ Comedones) เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีขาวหรือดำ บางครั้งอาจมีขนาดเล็กจนมองเห็นได้ยาก โดยเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนบนผิวหนัง เมื่อรูขุมขนมีน้ำมัน (Sebum) ปริมาณมากจนปิดกั้นเซลล์ผิวที่ตายแล้วหรือสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ภายในรูขุมขนจนเกิดเป็นสิวอุดตัน สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวอุดตันสามารถป้องกันและรักษาได้อย่างไร? ติดตามบทความของ The One Clinic เลยค่ะ
รู้ก่อน! สิวอุดตัน เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง?
ผู้ที่มีปัญหาสิวอุดตันบ่อย ๆ เกิดขึ้นแบบเป็น ๆ หาย ๆ ควรทำความเข้าใจสาเหตุและปัจจัยของการเกิดสิวอุดตันเพื่อการป้องกันด้วยตัวเอง ซึ่งหมอหนึ่งรวบรวม 10 สาเหตุที่พบบ่อยมาฝากกัน
- การผลิตน้ำมันส่วนเกิน: เมื่อผิวหน้ามีการผลิตน้ำมันมากเกินไป น้ำมันส่วนเกินอาจผสมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วและอุดตันรูขุมขนจนเกิดสิวเม็ดเล็ก ๆ
- การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว: เซลล์ผิวที่ตายแล้วและไม่ได้ถูกกำจัดออกไปสามารถสะสมและปิดกั้นรูขุมขนได้
- การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขน: การเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันมากเกินไป หรือเครื่องสำอางที่ไม่ใช่สูตร non-comedogenic ก็สามารถทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย
- การล้างหน้าที่ไม่สะอาด: สิ่งสกปรก น้ำมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะสะสมอยู่บนผิวหนังและทำให้อุดตันรูขุมขน
- ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายก็มีส่วนกระตุ้นให้เกิดการผลิตน้ำมันบนผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยรุ่นและช่วงมีประจำเดือน
- ความเครียด: ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย และนำไปสู่การอุดตันของรูขุมขนได้เช่นเดียวกัน
- อาหาร: อาหารที่มีไขมันสูงหรือน้ำตาลสูง อาจกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตันได้ในบางคน เนื่องจากอาหารเหล่านี้อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และกระตุ้นการผลิตน้ำมันในผิวหนัง
- สภาพแวดล้อม: การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง หรือสัมผัสกับมลภาวะและสิ่งสกปรกเป็นเวลานาน ๆ ก็สามารถทำให้รูขุมขนอุดตันได้ง่ายขึ้น
- การสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ: การสัมผัสใบหน้าด้วยมือที่ไม่สะอาดสามารถนำเชื้อโรคและสิ่งสกปรกเข้าสู่รูขุมขนจนทำให้เกิดการอุดตันและสิวบนใบหน้า
- การใส่หน้ากากอนามัย: การใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน ทำให้บริเวณใบหน้ามีความชื้นและเกิดการสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของการอุดตันบนใบหน้า
ประเภทของสิวอุดตัน
สิวอุดตันที่พบบ่อยจะมี 3 ประเภท ซึ่งจะมีลักษณะแตกต่างกัน ดังนี้:
สิวอุดตันหัวเปิด หรือ สิวหัวดำ (Blackheads)
เกิดจากการอุดตันของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขน เมื่อสิ่งอุดตันสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศ จะเกิดการออกซิไดซ์และทำให้สิ่งอุดตันมีลักษณะเป็นสีดำ โดยสิวหัวดำมักปรากฏเป็นจุดเล็ก ๆ ตามจมูก คาง และหน้าผาก ซึ่งสิวอุดตันประเภทนี้มีโอกาสที่จะกลายเป็นสิวอักเสบถ้าไม่ได้รักษาอย่างถูกวิธี
สิวอุดตันหัวปิด หรือ สิวหัวขาว (Whiteheads)
เรียกอีกอย่างว่า “สิวอุดตันไม่มีหัว” เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนเช่นเดียวกับสิวหัวดำ แต่สิวหัวขาวไม่ได้สัมผัสกับอากาศ ทำให้สิ่งอุดตันไม่เกิดการออกซิไดซ์และยังคงเป็นสีขาวหรือเหลืองซีด โดยทั่วไปสิวหัวขาวมักพบเป็นตุ่มเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังและยากที่จะมองเห็น แต่สามารถสัมผัสได้เมื่อลูบคลำบริเวณนั้น เป็นสิวที่กดออกได้ยากเนื่องจากรากสิวค่อนข้างลึก จึงควรรักษาโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ
สิวอุดตันที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า หรือ ไมโครคอมีโดน (Microcomedone)
เป็นสิวอุดตันเม็ดเล็ก ๆ และไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แม้ว่าไมโครคอมีโดนจะไม่ได้เป็นสิวที่มองเห็นได้ชัดเจน แต่สามารถพัฒนาไปเป็นสิวอุดตันหัวดำหรือสิวอุดตันหัวขาวได้เช่นกัน
สิวอุดตันมักขึ้นที่บริเวณไหนได้บ้าง?
จริง ๆ แล้วสิวอุดตันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกตำแหน่งบนร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีการสะสมของน้ำมัน (Sebum) ซึ่งตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่เป็นสิวอุดตันมีดังนี้:
สิวอุดตันที่แก้ม:
บริเวณแก้มเป็นตำแหน่งที่สัมผัสกับสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองจากสิ่งแวดล้อมอยู่บ่อยครั้ง เช่น การสัมผัสกับโทรศัพท์มือถือ การใส่หน้ากากอนามัย หรือการหนุนหมอน อีกทั้งบริเวณนี้ยังมีการสะสมของน้ำมัน (Sebum) ปริมาณมาก ที่สามารถอุดตันในรูขุมขนได้ง่ายสิวอุดตันที่คาง:
คางเป็นบริเวณที่เกิดสิวอุดตันหัวดำ เพราะบริเวณนี้มีการสะสมของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ประกอบกับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดสิวอุดตันที่คางได้สิวอุดตันที่หน้าผาก:
สิวอุดตันที่หน้าผากมักเกิดจากการสะสมของน้ำมัน เหงื่อ และสิ่งสกปรก โดยเฉพาะในผู้ที่มีผมหน้าม้า ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ผู้ที่แต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางเป็นประจำ หรือผู้ที่สวมใส่หมวกเป็นเวลานาน ๆ หากไม่ทำความสะอาดให้ดีก็จะเกิดการอุดตันของรูขุมขนสิวอุดตันที่หลัง:
สิวอุดตันที่หลัง สิวที่หลัง มักเกิดจากการสะสมของเหงื่อและน้ำมันในรูขุมขน โดยเฉพาะในผู้ที่ออกกำลังกายหรือสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยระบายอากาศ การเสียดสีระหว่างผิวหนังกับเสื้อผ้าอาจกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตันในบริเวณนี้ได้เช่นกันสิวอุดตันที่บริเวณกรอบหน้า:
บริเวณกรอบหน้ามักเกิดสิวอุดตันจากการสัมผัสกับสิ่งสกปรกและน้ำมันจากเส้นผม การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสม หากทำความสะอาดใบหน้าไม่หมดจดก็จะเกิดการสะสมของสิ่งสกปรกและอุดตันรูขุมขนในที่สุด
วิธีการรักษาสิวอุดตัน
การรักษาสิวอุดตัน (Comedones หรือ Clogged Pores) นั้นมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของสิวอุดตันที่เกิดขึ้นบนผิวของคุณ โดยทั่วไปก็สามารถรักษาได้ทั้งการใช้ยาทาภายนอก สั่งจ่ายยาให้รับประทาน รวมทั้งรักษาด้วยเครื่องมือต่าง ๆ The One Clinic ขอแชร์วิธีการรักษาสิวอุดตันที่ได้ผลและไม่เป็นอันตรายให้ทราบกันค่ะ
ผลิตภัณฑ์รักษาสิว:
- Benzoyl Peroxide: ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวและลดการอักเสบของสิว โดยมักจะใช้เป็นเจลหรือครีมที่ทาลงบนผิวก่อนล้างหน้า
- Salicylic Acid: ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขน เป็นสารประกอบที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและโทนเนอร์
- Retinoids: ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวอย่างล้ำลึก ลดการเกิดสิวอุดตัน และฟื้นฟูคุณภาพผิวให้แข็งแรงขึ้นในระยะยาว
การรักษาด้วยเทคโนโลยี (Advanced Treatments):
- เลเซอร์รักษาสิว: สามารถใช้เลเซอร์เพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรีย ลดการผลิตน้ำมันในชั้นผิว และลดการเกิดสิว
- การทำหัตถการต่าง ๆ: เช่น การกดสิวหรือการผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดผลไม้ (Chemical Peels) สามารถช่วยลดการอุดตันและฟื้นฟูสภาพผิว แต่ต้องทำอย่างเหมาะสมและถูกวิธี
การใช้ยาปฏิชีวนะและยารับประทาน (Antibiotics and Oral Medications)
- Isotretinoin: ยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาสิวที่อยู่ในระดับรุนแรง มีฤทธิ์ช่วยลดการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันและลดการอักเสบ ซึ่งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และผู้ชำนาญการ เนื่องจากยานี้มีผลข้างเคียงที่รุนแรง
ข้อควรระวังในการรักษาสิวอุดตัน
- ไม่ควรบีบสิว/แกะสิวด้วยตัวเอง
การบีบหรือแกะสิวโดยไม่มีความชำนาญและไม่ได้ดูแลความสะอาด สามารถทำให้เกิดแผลเป็นและเกิดการติดเชื้อได้ - เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือแอลกอฮอล์ อาจทำให้ผิวระคายเคืองและกระตุ้นจนสิวลุกลามมากขึ้น
วิธีป้องกันสิวอุดตัน
สิวอุดตันเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ก็ไม่ต้องวิตกกังวลจนเกินไปนะคะ เพราะการป้องกันสิวอุดตันเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยทั้ง 10 วิธีนี้ นอกจากช่วยให้สิวอุดตันลดลง ยังทำให้สุขภาพผิวดีขึ้นและลดโอกาสการเกิดสิวใหม่อีกด้วย
- รักษาความสะอาดของผิวหน้า: ล้างหน้าวันละสองครั้ง (เช้าและเย็น) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและไม่มีสารระคายเคือง เช่น โฟมล้างหน้าที่ปราศจากน้ำมันและแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น: การสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ อาจทำให้แบคทีเรียจากมือเข้าสู่ผิวและทำให้เกิดสิวอุดตันได้
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดสิว (Non-comedogenic): เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางที่ระบุว่าเป็น “Non-comedogenic” ก็จะช่วยลดการอุดตันรูขุมขน
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน: โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวมันควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสูตรน้ำ (Water-based) หรือปราศจากน้ำมัน (Oil-free) เพื่อป้องกันการอุดตันบนใบหน้า
- สครับผิวอย่างสม่ำเสมอ: การขัดผิวช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหน้า ลดโอกาสที่เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะสะสมและอุดตันรูขุมขน ควรขัดผิว 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่ควรขัดผิวบ่อยและแรงจนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวบอบบางและระคายเคืองได้ง่าย
- รักษาระดับความชุ่มชื้นของผิว: การบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ เพราะจะช่วยรักษาสมดุลของน้ำมันและความชุ่มชื้น ทำให้ผิวไม่ผลิตน้ำมันมากเกินไปจนรูขุมขนอุดตัน
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือน้ำตาลสูง: อาหารประเภทนี้อาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันในผิว ทำให้เกิดสิวอุดตันได้ง่าย
- ใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสม: เลือกใช้ครีมกันแดดที่เป็นสูตร Non-comedogenic และปราศจากน้ำมัน เพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขนจากผลิตภัณฑ์กันแดด เนื่องจากเราต้องทากันแดดทุกวัน หากครีมกันแดดอุดตันรูขุมขนก็จะทำให้เป็นสิวอุดตันซ้ำซาก
- จัดการกับความเครียด: ความเครียดสามารถกระตุ้นการเกิดสิวได้ ควรหาวิธีผ่อนคลายและจัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังควรพักผ่อนให้เพียงพออีกด้วย
- รักษาความสะอาดของอุปกรณ์แต่งหน้า: ล้างแปรงและฟองน้ำที่ใช้ในการแต่งหน้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรียที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตัน
สังเกตให้ชัด! สิวอุดตัน Vs สิวผด แตกต่างกันอย่างไร?
เรียกว่าเป็นคำถามที่มีคนไข้ถามหมอบ่อยมาก ๆ ว่าสิวอุดตันกับสิวผดนั้นเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร? เพราะมีลักษณะที่มองแล้วไม่ต่างกันมาก หลายคนอาจจะแยกไม่ออก วันนี้หมอหนึ่งจะเปรียบเทียบให้ดูง่าย ๆ เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและช่วยออกแบบการรักษาได้อย่างเหมาะสม
FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวอุดตัน
Q : สิวอุดตันสามารถหายได้เองหรือไม่?
A : สิวอุดตันไม่สามารถหายเองได้ ต้องมีการรักษาโดยผู้ชำนาญการหรือทายาอย่างถูกวิธี หากปล่อยทิ้งไว้อาจกลายเป็นสิวอักเสบได้
Q : การบีบสิวอุดตันทำให้สิวหายเร็วขึ้นหรือไม่?
A : การบีบสิวหรือแกะสิวไม่ได้ช่วยทำให้สิวหายเร็วขึ้นเลยค่ะ นอกจากนี้การบีบสิวยังสามารถทำให้สิวอุดตันเกิดการอักเสบได้และเสี่ยงที่จะติดเชื้อ
Q : ต้องรักษาสิวอุดตันนานแค่ไหนจึงจะเห็นผล?
A : ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาสิวอุดตันจนเห็นผลสามารถแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิว และสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปหากใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวจะใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์จึงจะเริ่มเห็นผล และอาจต้องใช้อย่างต่อเนื่อง 3-4 เดือนเพื่อเห็นผลลัพธ์ชัดเจน ส่วนการรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะหรือยารับประทาน อาจใช้เวลานานกว่า 3-6 เดือนขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ผิวหนัง
The One Clinic คลินิกเฉพาะทางด้านโรคผิวหนัง รักษาสิวอย่างตรงจุด
The One Clinic รักษาปัญหาสิวและปัญหาผิวได้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวเสี้ยน ฝ้า กระ รอยดำ รอยแดง ติ่งเนื้อ รวมถึงเส้นผม ซึ่งแพทย์ของเราจะวินิจฉัยและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลเพื่อผลลัพธ์ที่เหมาะสมและไม่เป็นอันตรายต่อคนไข้ หากคุณมีปัญหาผิวกวนใจ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่คลินิกได้ทุกวันนะคะ