สิวที่หน้าอกเป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อย โดยมีลักษณะเป็นตุ่มหนอง ตุ่มแดง หรือตุ่มอักเสบที่บริเวณหน้าอก ซึ่งอาจสร้างความรำคาญและส่งผลต่อความมั่นใจได้ สาเหตุของสิวที่หน้าอกมีหลายประการ วิธีการรักษาก็มีหลากหลายรูปแบบ และการป้องกันอย่างถูกวิธีจะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สารบัญ
สิวที่หน้าอกคืออะไร?
สิวที่หน้าอก (Chest acne) คือการเกิดสิวบนผิวหนังบริเวณหน้าอก ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับสิวที่พบได้บนใบหน้าหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย โดยอาจปรากฏในหลายรูปแบบ เช่น สิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวอักเสบ สิวตุ่มนูน หรือสิวซีสต์
ผิวบริเวณหน้าอกมักมีความหนามากกว่าผิวหน้า จึงอาจทำให้สิวที่เกิดขึ้นบริเวณนี้รักษาได้ยากกว่าในบางกรณี อีกทั้งยังมีแนวโน้มเกิดการอักเสบในชั้นผิวที่ลึกขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยดำหรือแผลเป็นตามมาได้ การดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้สิวลุกลามหรือทิ้งร่องรอยไว้ภายหลัง
คลายข้อสงสัย! “สิวที่หน้าอก” เกิดจากอะไร?

สิวที่หน้าอกเกิดจากหลายปัจจัยคล้ายกับสิวที่ใบหน้า โดยสาเหตุหลัก ๆ ได้แก่:
- รูขุมขนอุดตัน: น้ำมัน (ซีบัม) เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรกสามารถอุดตันรูขุมขนบนหน้าอกได้
- แบคทีเรีย: แบคทีเรีย Cutibacterium acnes (ชื่อเดิม Propionibacterium acnes) สามารถเจริญเติบโตในรูขุมขนที่อุดตันและทำให้เกิดการอักเสบ
- ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป: ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในช่วงวัยแรกรุ่น การตั้งครรภ์ หรือรอบเดือน สามารถกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น
- การระคายเคือง: เสื้อผ้าที่รัดรูป เหงื่อออกมาก และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบางชนิดอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและนำไปสู่การเกิดสิว
- ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวฮอร์โมน โดยเฉพาะในวัยรุ่น
- เหงื่อ: การออกกำลังกายหรือสภาพอากาศร้อนชื้นอาจทำให้เหงื่อออกมาก ซึ่งหากไม่ทำความสะอาดทันทีอาจทำให้รูขุมขนอุดตันได้
- เสื้อผ้า: เสื้อผ้าที่รัดรูปและไม่ระบายอากาศอาจกักเก็บเหงื่อและสิ่งสกปรก ทำให้เกิดสิวได้
- ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม: โลชั่น ครีม หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีส่วนผสมของน้ำมันจนอาจอุดตันรูขุมขน
- ความเครียด: ความเครียดอาจทำให้สิวแย่ลงได้เช่นกัน
พฤติกรรมที่ทำให้สิวที่หน้าอกแย่ลง
มีหลายพฤติกรรมที่สามารถทำให้สิวที่หน้าอกแย่ลงได้ ซึ่งหมอหนึ่งขอแชร์ประสบการณ์ ดังนี้:
- สวมเสื้อผ้าที่รัดรูปและไม่ระบายอากาศ: เสื้อผ้าที่รัดแน่น เช่น เสื้อออกกำลังกายที่ทำจากผ้าใยสังเคราะห์ อาจกักเก็บเหงื่อและความชื้น ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดการระคายเคือง
- ไม่อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีหลังเหงื่อออก: เหงื่อที่สะสมอยู่บนผิวหนังเป็นเวลานานสามารถผสมกับน้ำมันและสิ่งสกปรก อุดตันรูขุมขน
- การขัดผิวบริเวณหน้าอกแรงเกินไป: การขัดผิวที่รุนแรงไม่ช่วยลดการอุดตัน แต่อาจจะส่งผลให้ผิวหนังระคายเคืองและอักเสบ ทำให้สิวที่มีอยู่แย่ลง หรือเป็นสิวมากขึ้น
- การแกะ บีบ หรือสัมผัสสิว: การกระทำเหล่านี้สามารถเพิ่มการอักเสบ ทำให้เกิดรอยแผลเป็น และอาจนำเชื้อแบคทีเรียไปยังบริเวณอื่น
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม: การใช้โลชั่น ครีม หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของน้ำมันมากเกินไป หรือมีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง อาจอุดตันรูขุมขน
- การใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่รุนแรง: ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ซึ่งอาจกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้นเพื่อชดเชย
- ความเครียด: ความเครียดอาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมน ซึ่งอาจทำให้สิวแย่ลงในบางคน
- การรับประทานอาหารบางชนิด: แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน แต่บางคนอาจพบว่าอาหารบางชนิด เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือผลิตภัณฑ์จากนม ทำให้สิวแย่ลง
- การใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่มีน้ำหอมหรือนำ้ยาปรับผ้านุ่มที่รุนแรง: สารเคมีในนำ้ยาปรับผ้านุ่มสามารถทำให้ผิวหนังบริเวณหน้าอกระคายเคืองเมื่อสัมผัสกับเสื้อผ้า ในกรณีที่ใช้เยอะเกินไป
- การไม่รักษาความสะอาดของเครื่องนอน: ปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนสามารถสะสมน้ำมันและสิ่งสกปรก ซึ่งอาจสัมผัสกับผิวหนังบริเวณหน้าอกและทำให้เกิดสิวได้
วิธีรักษาสิวที่หน้าอกด้วยตนเอง
สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวที่หน้าอกบ่อย ๆ หรือเป็นซ้ำ ๆ หมอหนึ่งมีหลายวิธีที่คนไข้สามารถลองรักษาสิวที่หน้าอกได้ด้วยตนเองดังนี้ค่ะ
1. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยรักษาสิว: เช่น
- ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide): เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ รอยแดง และอาจช่วยควบคุมความมันบนผิว
- อะเซลาอิก แอซิด (Azelaic Acid): มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ มักใช้ในการรักษาสิวและรอยดำจากสิว
2. ทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี:
- ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสผิวหน้าอก ควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด เพื่อป้องกันการนำสิ่งสกปรกและแบคทีเรียไปสู่ผิว
- ทำให้ผิวเปียกใช้น้ำอุณหภูมิปรกติ ลูบไล้บริเวณหน้าอกให้ทั่ว เพื่อเตรียมผิวสำหรับการทำความสะอาด
- ใช้สบู่หรือคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน ควรเลือกคลีนเซอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม สารแต่งสี หรือสารเคมีที่รุนแรง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว และควรใช้สบู่ที่ไม่ทำให้ผิวแห้ง
- ทาโลชั่นบำรุงผิวบนผิวบริเวณหน้าอกรู้สึกแห้งตึงหลังทำความสะอาด สามารถทาโลชั่นบำรุงผิวสูตรอ่อนโยน ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic)
3. เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวต:
- สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี: เลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย หรือวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ ที่ช่วยระบายอากาศและความชื้นได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาออกกำลังกายหรือในสภาพอากาศร้อน
- หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดรูป: เสื้อผ้าที่รัดแน่นบริเวณหน้าอกอาจกักเก็บเหงื่อและสิ่งสกปรก ทำให้รูขุมขนอุดตันได้
- เปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีหลังเหงื่อออก: อย่าปล่อยให้เหงื่ออยู่บนผิวหนังเป็นเวลานาน เพราะอาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
- อาบน้ำเป็นประจำ: โดยเฉพาะหลังออกกำลังกายหรือเมื่อรู้สึกว่าเหงื่อออกมาก
- ใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่อ่อนโยน: เลือกผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่ไม่มีน้ำหอมหรือสารเคมีที่รุนแรง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเพราะมีสารที่อาจจะก่อเกิดความระคายเคืองต่อผิวได้
- รักษาความสะอาดของเครื่องนอน: ควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรก
วิธีรักษาสิวที่หน้าอกจากแพทย์โรคผิวหนัง
หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาสิวที่หน้าอก และพบว่าสิวไม่ดีขึ้นจากการดูแลด้วยตนเอง หรือมีอาการที่รุนแรงขึ้น เช่น สิวอักเสบลึก มีหนอง หรือทิ้งรอยดำ รอยแผลเป็น การปรึกษาแพทย์ผิวหนังเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังสามารถวินิจฉัยสาเหตุของสิวได้อย่างแม่นยำ พร้อมแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะกับสภาพผิวและระดับความรุนแรงของสิวแต่ละราย โดยแนวทางการรักษาอาจประกอบด้วยการใช้ยาทาภายนอก ยารับประทาน ยาปฏิชีวนะ หรือแม้แต่การทำหัตถการทางผิวหนัง เช่น การกดสิว เลเซอร์ หรือทรีตเมนต์ลดการอักเสบ
1. ยาทาเฉพาะที่ (Topical Medications):
- เรตินอยด์ (Retinoids): เช่น Tretinoin, Adapalene, Tazarotene ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน และลดการอักเสบ มักใช้ทาก่อนนอน
- ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ (Topical Antibiotics): เช่น Clindamycin, Erythromycin ช่วยลดจำนวนแบคทีเรียบนผิวหนัง มักใช้ร่วมกับเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์เพื่อป้องกันการดื้อยา
- กรดอะเซลาอิก (Azelaic Acid): ช่วยลดการอักเสบ รอยแดง และอาจช่วยลดรอยดำจากสิว
- ยาสูตรผสม (Combination Medications): แพทย์อาจสั่งจ่ายยาที่มีส่วนผสมของยาหลายชนิดในหลอดเดียว ที่ The One Clinic ใช้ยาสูตรผสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อ เช่น Clindamycin ร่วมกับ Metronidazole
2. ยารับประทาน (Oral Medications):
- ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน (Oral Antibiotics): เช่น Doxycycline, Clindamycin, Amoxycillin, Erythromycin ใช้ในกรณีที่สิวมีความรุนแรงปานกลางถึงมาก เพื่อลดการอักเสบและจำนวนแบคทีเรีย ร่วมกับการรักษาสิวแบบทา
- ยาไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin): เป็นยาในกลุ่มเรตินอยด์ชนิดรับประทาน ใช้สำหรับรักษาสิวที่มีความรุนแรงมาก หรือสิวที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่นๆ มีประสิทธิภาพสูง แต่มีผลข้างเคียงที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
- ยาคุมกำเนิด (Oral Contraceptives): สำหรับผู้หญิง สารคุมกำเนิดบางชนิดสามารถช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนและลดการเกิดสิวได้
- ยาต้านฮอร์โมนแอนโดรเจน (Anti-androgen Medications): เช่น Spironolactone อาจใช้ในผู้หญิงเพื่อลดการผลิตน้ำมันและรักษาสิวที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน
3. การรักษาทางการแพทย์ (In-Office Procedures):
- การกดสิว (Manual Extraction): แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังสามารถกดสิวหัวดำและสิวหัวขาวออกได้อย่างถูกวิธีและถูกสุขลักษณะ เพื่อลดการอักเสบและป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น
- การฉีดสิว (Intralesional Corticosteroid Injections): ใช้สำหรับรักษาสิวอักเสบขนาดใหญ่ หรือสิวซีสต์ โดยการฉีดสารสเตียรอยด์เข้าไปในสิวโดยตรง เพื่อลดการอักเสบและอาการเจ็บปวด
- การใช้ Intense Pulsed Light และการบำบัดด้วยแสง (IPL and Photodynamic Therapy): มีการใช้เทคโนโลยีแสงที่มีความถี่คลื่นจำเพาะ เพื่อช่วยลดจำนวนแบคทีเรีย ลดการอักเสบ และปรับปรุงลักษณะของรอยแผลเป็นจากสิว
- การใช้คลื่นวิทยุ (Monopolar RF): เป็นการส่งพลังงานวิทยุลงไปที่ต่อมไขมันเพื่อหยุดยั้งการทำงานของต่อมไขมันและฆ่าเชื้อ P. Acnes โดยเฉพาะ เหมาะกับคนไข้ที่มีอาการสิวรุนแรง
วิธีป้องกันสิวที่หน้าอก
วิธีป้องกันสิวที่หน้าอกสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลผิวอย่างเหมาะสม ดังนี้:
- อาบน้ำหลังเหงื่อออก: ช่วยชำระล้างเหงื่อและสิ่งสกปรกที่อาจอุดตันรูขุมขน
- ใส่เสื้อผ้าระบายอากาศดี: ลดความอับชื้นและการกักเก็บเหงื่อบนผิวหนัง
- หลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูป: ลดการเสียดสีและการกดทับที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง
- ใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน: ทำความสะอาดผิวโดยไม่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคืองมากเกินไป
- อย่าแกะหรือบีบสิว: ป้องกันการอักเสบและการเกิดรอยแผลเป็น
- ซักผ้าปูที่นอนบ่อย ๆ: ลดการสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรกที่อาจสัมผัสผิว
สิวที่หน้าอกและรอยแผลเป็น
- สิวที่หน้าอกสามารถทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้เช่นเดียวกับสิวที่เกิดบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการอักเสบที่รุนแรง หรือมีการแกะ บีบสิว
ทำไมสิวที่หน้าอกถึงทำให้เกิดรอยแผลเป็น?
- การอักเสบ: สิวอักเสบจะทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ทำให้ผิวเรียบเนียน เมื่อสิวหายไป ผิวหนังอาจไม่สามารถสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินกลับมาได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดรอยแผลเป็น
- การแกะ บีบสิว: การพยายามบีบหรือแกะสิวด้วยตัวเองจะยิ่งเพิ่มการอักเสบและทำลายเนื้อเยื่อผิวหนัง ทำให้โอกาสเกิดรอยแผลเป็นสูงขึ้น
- ความรุนแรงของสิว: สิวที่มีขนาดใหญ่และลึก เช่น สิวซีสต์ มีแนวโน้มที่จะทิ้งรอยแผลเป็นมากกว่าสิวขนาดเล็ก
การรักษารอยแผลเป็นจากสิวที่หน้าอก:
- การใช้ยาทา: เช่น เรตินอยด์ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของซิลิโคน
- การฉีดยา: เช่น สารสเตียรอยด์สำหรับรอยแผลเป็นแบบนูน
- การรักษาด้วยเลเซอร์: มีเลเซอร์หลายชนิดที่สามารถช่วยปรับปรุงลักษณะของรอยแผลเป็นได้
- การทำ Subcision: วิธีการรักษาทางผิวหนังด้วยการใช้เข็มเลาะพังผืดใต้ชั้นผิวเพื่อแก้ไขรอยแผลเป็นแบบหลุม โดยเฉพาะรอยแผลเป็นจากสิว
- การรักษาด้วย Fractional RF: วิธีการรักษาทางผิวหนังด้วยการใช้คลื่นวิทยุกระตุ้นให้เกิดการสร้าง collagen บนพื้นผิวขึ้นใหม่
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวที่หน้าอก

Q: สิวที่หน้าอกเกิดจากอะไร?
A: สิวที่หน้าอกสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน ความเครียด เหงื่อออกมาก การเสียดสีจากเสื้อผ้า หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน ลักษณะของสิวที่พบอาจเป็นสิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวอักเสบ หรือแม้แต่สิวซีสต์ ซึ่งบางครั้งอาจเจ็บและทิ้งรอยไว้ ผิวบริเวณหน้าอกมีความหนากว่าผิวหน้า จึงอาจทำให้สิวหายช้ากว่า หรืออักเสบลึกได้มากกว่าในบางกรณี
Q: ทำยังไงให้สิวที่หน้าอกหาย?
A: เริ่มจากดูแลความสะอาดของผิวเป็นประจำ หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดแน่นหรืออับชื้น ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันรูขุมขน และหากมีสิวอักเสบหรือเรื้อรัง อาจจำเป็นต้องใช้ยาทาหรือยารับประทาน รวมถึงปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม จะช่วยให้สิวที่หน้าอกดีขึ้นได้เร็วขึ้นและปลอดภัยมากขึ้นค่ะ นอกจากนี้ ยังสามารถปรึกษา The One Clinic คลินิกรักษาสิวและโรคผิวหนัง ใกล้ MRT ห้วยขวางได้ทุกวันค่ะ