ศีรษะก็เป็นอีกบริเวณที่มีสิวขึ้นง่ายและพบบ่อย แถมยังรักษานานมากกว่าจะหาย เพราะผมบังสิว อับชื้น แถมยังโดนมลภาวะโดยตรงทุกวัน หมอหนึ่งจึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักสิวที่หัวกันให้ดีขึ้น พร้อมวิธีการป้องกันและรักษาให้หายขาด
สงสัยมาก! สิวที่หัว คืออะไร?
สิวที่หัว (Scalp Acne) คือการเกิดสิวบนหนังศีรษะ ซึ่งสามารถปรากฏเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ หรือใหญ่ ๆ มีทั้งแบบที่มีหัวขาวหรือหัวดำ และแบบที่ไม่มีหัว สิวที่หัวอาจทำให้รู้สึกเจ็บหรือคันได้ โดยสิวที่หนังศีรษะมีสาเหตุหลักมาจากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเกิดจากการสะสมของน้ำมันส่วนเกิน เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และแบคทีเรีย ในแง่ของการรักษาสิวบนหนังศีรษะอาจจะยากกว่าสิวธรรมดาในบางแง่มุม เนื่องจากหนังศีรษะปกคลุมด้วยเส้นผม ทำให้ยากต่อการเห็นและเข้าถึงสิว เพื่อทำความสะอาดหรือทายา และความอับชื้นที่เกิดจากเส้นผมสามารถทำให้การระบายอากาศบนหนังศีรษะลดลง ซึ่งอาจทำให้สิวมีอาการรุนแรงขึ้นและหายช้า
ลักษณะของสิวที่หัว
สิวที่หนังศีรษะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะหลัก คือ
สิวไม่อักเสบ (Non-inflammatory acne)
- เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน หรือที่เรียกว่า หัวสิว (comedone)
- แบ่งเป็น 2 ชนิดย่อย ได้แก่
- สิวหัวปิด (Whiteheads): มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ สีขาวหรือสีเนื้อ เกิดจากการอุดตันของไขมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วภายในรูขุมขน
- สิวหัวเปิด (Blackheads): มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ สีดำ เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่เปิดออก ทำให้ส่วนที่อุดตันสัมผัสกับอากาศและออกซิไดซ์กลายเป็นสีดำ
สิวอักเสบ (Inflammatory acne)
- เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมัน หรือรูขุมขนที่ติดเชื้อแบคทีเรีย
- แบ่งเป็น 4 ชนิดย่อย ได้แก่
- สิวตุ่มแดง (Papules): มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ สีแดง อักเสบ มีอาการเจ็บร่วมด้วย
- สิวหัวหนอง (Pustules): มีลักษณะเป็นตุ่มหนองสีขาวหรือเหลืองอยู่ตรงกลาง มักมีอาการเจ็บหรือคัน
- สิวตุ่มนูนแดงใหญ่ (Nodules): เป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ อยู่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง มักมีอาการเจ็บปวด
- สิวซีสต์ (Cysts): เป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ บวม แดง และมีหนองอยู่ข้างใน มักมีอาการเจ็บปวดมาก
สิวที่หัวเกิดจากอะไร? และมีปัจจัยอะไรกระตุ้น?
สำหรับสิวที่หัว หรือ สิวที่หนังศีรษะ เกิดจากสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
การอุดตันของรูขุมขน
- น้ำมันส่วนเกิน: ต่อมไขมันบนหนังศีรษะผลิตน้ำมัน (sebum) มากเกินไป ทำให้น้ำมันรวมตัวกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และอุดตันรูขุมขน
- เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว: การผลัดเซลล์ผิวหนังที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วสะสมอยู่ในรูขุมขน
- ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม: ผลิตภัณฑ์บางชนิด เช่น แว็กซ์ สเปรย์ เจล อาจมีส่วนผสมที่อุดตันรูขุมขน
การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา
- เชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P. acnes): เป็นเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิวหนัง เมื่อรูขุมขนอุดตัน เชื้อแบคทีเรียนี้จะเจริญเติบโตและทำให้เกิดการอักเสบ
- เชื้อรา Malassezia: เป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่บนผิวหนัง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและสิวได้
ปัจจัยอื่น ๆ
- ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่น หรือในผู้หญิงช่วงมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์ อาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันและทำให้เกิดสิวได้
- พันธุกรรม: หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นสิว ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นสิวได้ง่ายกว่า
- ความเครียด: ความเครียดอาจกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิวได้
- การเสียดสี: การสวมหมวกหรือผ้าโพกศีรษะที่รัดแน่นเกินไป อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและสิวได้
- อาหาร: การทานอาหารบางชนิดเป็นประจำ อาทิ อาหารที่มีไขมันสูง หรือผลิตภัณฑ์จากนม ทำให้สิวมีอาการรุนแรงขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงกระตุ้นให้เกิดสิวที่หัว
นอกจากนี้ ปัจจัยที่คอยกระตุ้นให้เกิดสิวที่หัวก็มีมากมาย ทั้งจากไลฟ์สไตล์ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นประจำ รวมทั้งสภาพแวดล้อม
- ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม
- แชมพูและครีมนวดผม: สารเคมีในผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและอุดตันรูขุมขน
- ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม: การใช้ผลิตภัณฑ์เช่นเจลหรือสเปรย์ที่มีสารเคมีอาจทำให้เกิดการอุดตันและสิว
- การดูแลสุขอนามัย
- การไม่รักษาความสะอาดของเส้นผมและหนังศีรษะ: ไม่ล้างเส้นผมหรือหนังศีรษะบ่อยพอทำให้มีน้ำมันและสิ่งสกปรกสะสม
- ความอับชื้น
- การสะสมของเหงื่อและน้ำมัน: เส้นผมที่ปิดกั้นการระบายอากาศทำให้เหงื่อและน้ำมันสะสมในรูขุมขน
- การสัมผัสหรือการขยี้สิว
- การสัมผัสหรือขยี้สิว: การขยี้สิวอาจทำให้การติดเชื้อแย่ลงและทำให้สิวอักเสบ
- อุปกรณ์ที่สัมผัสกับศีรษะ
หมวกหรือหมวกกันน็อก: การสวมหมวกหรือหมวกกันน็อกที่ไม่สะอาดหรือใส่เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดสิวจากการเสียดสีและการสะสมของเหงื่อ
อาการและผลข้างเคียงที่มักเกิดร่วมกับสิวที่หัว
สิวที่หัว นอกจากจะทำให้รู้สึกรำคาญใจและเจ็บปวดแล้ว ยังมีผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่ทำให้ปัญหาสิวรุนแรงขึ้นและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคุณได้ ต่อไปนี้เป็นอาการข้างเคียงที่พบบ่อยและมักเกิดขึ้นร่วมกับสิวที่หัวนะคะ
1.อาการคันและระคายเคือง
สิวที่หัวมักมาพร้อมกับอาการคันและระคายเคือง ทำให้ผู้ที่มีปัญหาสิวรู้สึกไม่สบายตัว ซึ่งการเกาหนังศีรษะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและการอักเสบมากขึ้น
2. อาการบวมและแดง
ตุ่มสิวบนหนังศีรษะมักจะมีลักษณะบวมและแดง ซึ่งเกิดจากการอักเสบของรูขุมขน การอักเสบนี้อาจทำให้สิวดูโดดเด่นและเจ็บปวดมากขึ้น
3. การติดเชื้อ
การขยี้หรือเกาสิวอาจทำให้เกิดแผลและการติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งจะทำให้สิวแย่ลงและเกิดการติดเชื้อที่รุนแรง โดยการติดเชื้อนี้อาจแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของหนังศีรษะได้
4. ผมร่วง
ในบางกรณี สิวที่หัวอาจทำให้เกิดการสูญเสียเส้นผมในบริเวณที่มีสิว เนื่องจากการอักเสบและการระคายเคืองที่รุนแรง ผมร่วงนี้อาจเป็นชั่วคราวหรือถาวรขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิวที่เกิดขึ้นและรูปแบบการรักษา
5. รอยแผลเป็น
หากสิวมีการอักเสบและติดเชื้อซ้ำ ๆ อาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนหนังศีรษะ ซึ่งรอยแผลเป็นนี้อาจทำให้ผิวหนังดูไม่เรียบเนียนและมีลักษณะเป็นรอยดำหรือรอยแดง
ในประสบการณ์การรักษาของหมอหนึ่งที่รักษาสิวมากว่า 1,500 เคส ในกรณีที่เป็นสิวบนศีรษะรุนแรงและไม่ได้รับการรักษาจนเกิดอาการอักเสบที่รู้จักกันในชื่อ Dissecting Folliculitis เป็นโรคผิวหนังศีรษะอักเสบเรื้อรังที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก โรคนี้มักเริ่มต้นด้วยการอักเสบของรูขุมขน ซึ่งต่อมาจะพัฒนาไปสู่การเกิดก้อนเนื้ออักเสบขนาดใหญ่ใต้หนังศีรษะ ทำให้เกิดเป็นบริเวณที่บวมและมีหนองส่งผลให้มีอาการผมร่วงเป็นหย่อม และเป็นอาการที่ใช้เวลาในการรักษานานราว 8-10 เดือนได้ค่ะ
Dissecting Folliculitis
เช็กเลย! ตุ่มขึ้นที่หัว ใช่สิวที่หัว หรือ เป็นเชื้อราบนหนังศีรษะ?
หากคุณมีอาการตุ่มที่ขึ้นบนหัว อาจเป็นได้ทั้งสิวที่หัวหรือเชื้อราบนหนังศีรษะ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีลักษณะที่แตกต่างกัน และต้องได้รับการรักษาที่แตกต่างกันด้วย เพื่อให้คุณสามารถแยกแยะได้อย่างถูกต้อง ลองสังเกตลักษณะของตุ่มที่ขึ้นบนหัวของคุณตามนี้ได้เลยค่ะ
ชนิด | สิวที่หัว (Scalp Acne) | เชื้อราบนหนังศีรษะ (Tinea Capitis) |
---|---|---|
ลักษณะตุ่ม/ผื่น | ตุ่มนูน แดง มีหัวหนอง (อาจมีหรือไม่มีก็ได้) | ผื่นแดง คัน มีสะเก็ด เป็นวงกลม |
ตำแหน่ง | มักเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น หนังศีรษะส่วนบนและด้านหลัง | สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วหนังศีรษะ |
สาเหตุ | เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน หรือการติดเชื้อแบคทีเรีย | เกิดจากการติดเชื้อรา |
อาการอื่น ๆ | คัน เจ็บ ไม่สบายหนังศีรษะ ผมร่วง | คันรุนแรง หนังศีรษะลอกเป็นขุย มีกลิ่นเหม็น ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ |
การรักษา | แชมพูยา ยาทา ยารับประทาน (ในกรณีรุนแรง) | แชมพูยาฆ่าเชื้อรา ยาทาฆ่าเชื้อรา ยารับประทานฆ่าเชื้อรา |
ข้อควรระวัง | ไม่แกะ เกา บีบสิว | หลีกเลี่ยงการแชร์หวี ผ้าเช็ดตัว หมอน ร่วมกับผู้อื่น |
การแยกแยะระหว่างสิวที่หัวและเชื้อราบนหนังศีรษะอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมและหายเร็วขึ้น โดยไม่เสี่ยงเกิดปัญหาผิวหนังอื่น ๆ ตามมาภายหลัง
สิวที่หัว (Scalp Acne)
เชื้อราบนหนังศีรษะ (Tinea Capitis)
หมอหนึ่งขอแชร์! วิธีป้องกันและรักษาสิวที่หัว
การรักษาสิวที่หัวด้วยตัวเองสามารถทำได้หลายวิธี โดยเน้นที่การดูแลความสะอาดและลดการอักเสบ ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง ก็จะช่วยป้องกันการเกิดสิวที่หัวขึ้นได้
1. รักษาความสะอาด
- สระผมเป็นประจำ: ควรสระผมด้วยน้ำอุ่นและแชมพูสูตรอ่อนโยนที่เหมาะกับสภาพหนังศีรษะ อย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือทุกวัน หากมีเหงื่อออกมากหรือใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมบ่อย ๆ
- ใช้แชมพูยา: หากสิวมีอาการอักเสบหรือมีจำนวนมาก อาจลองใช้แชมพูยาที่มีส่วนผสมของ Ketoconazole ซึ่งมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อและลดการอักเสบ ทำให้สิวหายเร็วขึ้น
- ล้างแชมพูและครีมนวดผมให้สะอาด: ไม่ควรปล่อยให้ผลิตภัณฑ์ตกค้างบนหนังศีรษะ เพราะจะเกิดการอุดตันและทำให้อักเสบได้
- เช็ดผมให้แห้ง: หลังสระผมควรเช็ดผมให้แห้งสนิท โดยเฉพาะบริเวณหนังศีรษะ เพื่อลดความอับชื้นซึ่งเป็นสาเหตุของการอุดตันและระคายเคืองผิว
2. ลดการอักเสบ
- ประคบเย็น: ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นประคบบริเวณที่เป็นสิว ช่วยลดอาการบวมและแดง
- ใช้ยาทา:
- Benzoyl peroxide: ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ
- Clindamycin: ยาปฏิชีวนะชนิดทา ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
- Retinoids: ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขน
3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- หลีกเลี่ยงการแกะ เกา หรือบีบสิว: เพื่อป้องกันการอักเสบและติดเชื้อซ้ำ
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม: โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือซิลิโคน ซึ่งอาจอุดตันรูขุมขนได้ง่าย
- ลดความเครียด: หาเวลาพักผ่อนและทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด เพื่อให้ฮอร์โมนในร่างกายทำงานอย่างปกติ
ข้อควรระวัง
- หากลองวิธีรักษาด้วยตัวเองแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม
- ก่อนใช้ยาทาใด ๆ ควรทดสอบการแพ้โดยทาบริเวณเล็ก ๆ ก่อนเสมอ
- หากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ เพราะอาจจะส่งผลอันตรายต่อเด็ก
- การรักษาสิวจำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาและความอดทน จึงไม่ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เร่งการรักษาเพราะอาจจะมีสารเคมีอันตรายเป็นส่วนผสม
สิวที่หัว รักษาด้วยตนเองได้หรือไม่?
การรักษาสิวที่หัวด้วยตนเองสามารถทำได้ในระดับหนึ่ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุของสิว หากเป็นสิวที่หัวในระยะเริ่มต้นหรือมีอาการไม่รุนแรง การดูแลรักษาด้วยตนเองอาจช่วยบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้สิวลุกลามได้ ในกรณีที่เป็นสิวไม่รุนแรง คุณสามารถใช้แชมพูยาที่มีส่วนผสมของ Ketoconazole ร่วมกับยาปฏิชีวนะชนิดทาที่มีส่วนผสมของ Clindamycin และปฎิบัติตัวตามคำแนะนำเบื้องต้นในหัวข้อวิธีการรักษาสิวที่หัวในบทความด้านบนได้ค่ะ
รักษาสิวที่หัวให้หายขาด วางใจ The One Clinic
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ The One Clinic สามารถรักษาสิวที่อักเสบให้ยุบได้อย่างรวดเร็วด้วยการฉีดยาลดอักเสบ ฉายแสงลดอักเสบ รวมถึงการจ่ายยาฆ่าเชื้อและยาทาสูตรเฉพาะของทางคลินิก ซึ่งสามารถรักษาสิวที่หัวได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด ทำให้คนไข้วางใจเลือกรักษาสิวที่หัวกับเรา
FAQ คำถามที่พบบ่อย
Q : สิวที่หัวทำให้ผมร่วงถาวรได้หรือไม่?
A : สิวที่หัวโดยทั่วไปไม่สามารถทำให้ผมร่วงถาวร ส่วนใหญ่ผมร่วงที่เกิดจากสิวที่หัวมักเป็นผมร่วงชั่วคราว ผมจะกลับมาขึ้นใหม่เมื่อสิวหายและหนังศีรษะกลับมาแข็งแรงขึ้นได้ แต่ในกรณีที่ปล่อยทิ้งไว้นานจนเกิดเป็น Dissecting cellulitis of the scalp ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังบนหนังศีรษะแล้วสามารถทำให้เกิดแผลเป็นและผมร่วงถาวรได้เช่นกัน
Q : สิวที่หัวรักษากี่วัน?
A : สิวอุดตันหรือสิวอักเสบเล็กน้อยอาจใช้เวลาเพียง 1-2 สัปดาห์ ในขณะที่สิวอักเสบรุนแรงหรือสิวหัวช้างอาจต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน หากรักษาด้วยตนเองแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ หรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม ที่สำคัญคุณควรหลีกเลี่ยงการแกะ เกา หรือบีบสิว เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น และทำให้รากผมเสียหายได้
Q : เป็นสิวที่หัวนานแค่ไหนจึงควรพบแพทย์?
A : เมื่อมีอาการติดเชื้อ เช่น มีหนอง ผื่นแดงกระจายตัว หนังศีรษะมีแผลเปิด มีอาการคันอย่างรุนแรงจนรบกวนการนอนหลับ หรือ มีอาการผมร่วงเป็นหย่อมควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมทันที เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนเช่น ผมร่วงถาวร หรือ แผลเป็นบนศีรษะ
The One Clinic รักษาสิวและโรคผิวหนังโดยแพทย์
ไม่ว่าจะเป็นสิวที่หัว สิวที่หน้า สิวที่หลัง หรือโรคผิวหนังอื่น ๆ หมอหนึ่งก็ช่วยรักษาให้หายได้ เพราะที่ The One Clinic มีตรวจเชื้อสิวเพื่อหาต้นตอก่อนออกแบบการรักษาแบบเฉพาะบุคคล มีทั้งยาทา ยารับประทาน และเครื่องมือการรักษาที่ทันสมัยในราคาที่สมเหตุสมผล ขอข้อมูลเพิ่มเติมหรือสอบถามคิวแพทย์ โทร. 093-583-0921 หรือ แอดไลน์ @theoneclinic ได้เลยค่ะ