จบปัญหา! สิวหนอง รู้สาเหตุและวิธีรักษา หน้าเนียนใส ไม่เกิดซ้ำ!

สาเหตุของ ‘สิวหนอง’ เกิดจากอะไร?

สิวหนอง หรือ สิวหัวหนอง (Pustules Acne) เป็นสิวอักเสบที่ไม่รุนแรงมาก เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ร่วมกับการติดเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P. acnes) ทำให้เกิดการอักเสบและหนองสะสม โดยลักษณะของสิวหัวหนองจะมีอาการบวมแดงรอบ ๆ สิว รู้สึกปวด หัวสิวเป็นหนองสีขาวหรือสีเหลือง และมีขนาดตั้งแต่เล็กจนถึงขนาดใหญ่ขึ้นอยู่กับความอักเสบของสิว

สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวหนอง
  • การอุดตันของรูขุมขน: P. acnes เป็นแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในรูขุมขนตามปกติ โดยแบคทีเรียชนิดนี้จะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีการอุดตัน และผลิตของเสีย ส่งผลให้เกิดการอักเสบ แดง บวม ร้อน และเจ็บปวดเมื่อโดนสัมผัส
  • การบีบสิว: การบีบสิวเป็นสาเหตุทำให้แบคทีเรียกระจายตัวไปยังบริเวณอื่น ๆ ส่งผลให้ผิวอักเสบได้ง่าย และการบีบสิวแบบผิดวิธีก็จะยิ่งทำให้สิวหัวหนองมีอาการรุนแรงขึ้น
  • ฮอร์โมน: เมื่อร่างกายคนเราผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) จะกระตุ้นให้เกิดสิว และทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาหล่อเลี้ยงผิวมากจนกลายเป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรีย
  • ระบบนิเวศของผิวหนัง (Skin Microbiome): ผิวหนังของเราเต็มไปด้วยจุลินทรีย์ขนาดเล็กอาศัยอยู่นับล้านตัว อาทิ แบคทีเรีย รา และไวรัส ซึ่งส่งผลโดยตรงกับสุขภาพผิว หากระบบนิเวศผิวเสียสมดุลก็จะทำให้ผิวบอบบางและอักเสบได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งสาเหตุหลักของระบบนิเวศผิวที่เสียสมดุลก็มาจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิวและกรรมพันธุ์
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว: การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับผิว จะทำให้ผิวบอบบาง เสียสมดุล อ่อนแอ และง่ายต่อการระคายเคือง สิวหนองก็ยิ่งถูกกระตุ้นให้รุนแรงขึ้นได้
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ: การนอนหลับช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดี Growth Hormones ก็หลั่งได้มากขึ้น หากพักผ่อนน้อยก็จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ อักเสบง่าย และทำให้สิวหายช้าลง

สิวหนองมีลักษณะอย่างไร?

สิวหัวหนอง จะมีลักษณะเป็นตุ่มสิวมีหัวที่ฐานสิวรอบ ๆ มีสีแดงเล็กน้อยที่เกิดจากการอักเสบของผิวหนัง ส่วนหัวสิวจะมีสีขาว สีเหลือง หรือสีเขียวของหนอง ขึ้นอยู่กับปริมาณของหนองและการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ภายในสิวใต้ผิวหนัง สามารถพบได้ทั่วร่างกาย พบได้ทั้งสิวหัวหนองเล็ก ๆ และขนาดใหญ่ ทั้งแบบกระจายและกระจุกตัวกันในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง

สำหรับสิวหัวหนองที่โดนสัมผัสบ่อย ๆ ทั้งจากมือ หน้ากากอนามัย หรือเสื้อผ้า จะมีอาการอักเสบที่รุนแรงกว่า รู้สึกปวดบวมมาก หรือแม้แต่สิวหนองตรงบริเวณหน้าผากที่อักเสบรุนแรง อาจลุกลามทำให้มีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย เมื่อเป็นสิวหัวหนองจึงควรรักษาอย่างรวดเร็วและถูกวิธี เพื่อลดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

สิวหัวหนองเม็ดเล็ก สิวหัวหนองสุก สิวหัวหนองแข็ง คืออะไร?

  • สิวหัวหนองเม็ดเล็ก มีลักษณะเป็นสิวหัวหนองที่มีขนาดเล็ก  มีหนองสีขาวหรือเหลืองอยู่ตรงกลาง พบที่บริเวณ T-zone ของใบหน้า
  • สิวหัวหนองสุก คือ สิวที่มีหนองสะสมอยู่ปริมาณมาก  มีสีขาวหรือเหลือง มักรู้สึกเจ็บและปวดเมื่อสัมผัส ซึ่งสิวหัวหนองสุกจะแตกเองโดยธรรมชาติ เพียงแต่ต้องใช้เวลา
  • สิวหัวหนองแข็ง มีลักษณะเป็นสิวหัวหนองแข็งลึกอยู่ใต้ผิวหนัง มักรู้สึกเจ็บหรือปวดเมื่อสัมผัส พบมากที่บริเวณ T-zone หน้าอก และแผ่นหลัง

สิวหนอง มักเกิดขึ้นบริเวณใดบ้าง?

สิวหนองสามารถเกิดได้ทุกบริเวณของผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่มีต่อมไขมันหรือความอับชื้นมาก เพราะเป็นบริเวณที่เกิดการอุดตันง่าย เมื่อได้รับการกระตุ้นจากการสัมผัสหรือสิ่งสกปรกสะสม ก็จะเกิดการอักเสบเป็นสิวหนอง ซึ่งบริเวณที่สิวหนองเกิดขึ้นบ่อย ๆ อาทิ

  • ใบหน้า: ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณ T-Zone โดยเฉพาะบริเวณปลายจมูกที่มีสิวเสี้ยนและสิวอุดตันจำนวนมาก เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกตกค้าง 
  • หน้าผาก: เป็นบริเวณ T – Zone ที่มีต่อมไขมัน (Sebum) อยู่มาก ทำให้บริเวณนี้มีน้ำมันส่วนเกินซึ่งเป็นปัจจัยที่ง่ายต่อการเกิดสิวหนิงหรือสิวอักเสบ
  • ลำคอ: คอเป็นบริเวณที่ทำความสะอาดไม่ทั่วถึง ทั้งที่เป็นบริเวณที่อยู่ติดกับไรผม มีคราบเหงื่อ คราบความมันจากเส้นผมหมักหมมค่อนข้างมาก
  • หน้าอก: ส่วนใหญ่จะเกิดจากความอับชื้นของเสื้อผ้า คราบเหงื่อไคล คราบน้ำมันส่วนเกิน ซึ่งทำให้เกิดสิวอุดตันหัวหนองขึ้นมาได้
  • แผ่นหลัง: เป็นหนึ่งในบริเวณที่ถูกละเลยการทำความสะอาด เช็ดล้างไม่ทั่วถึง ทำให้มีสิ่งสกปรกสะสมอยู่ เมื่อเสียดสีกับเสื้อผ้าก็ทำให้อักเสบเป็นสิวหนอง
  • ไรผม: เป็นจุดที่มีการหมักหมมของคราบเหงื่อไคล และหากมีอาการแพ้แชมพูหรือครีมนวดผม ก็จะทำให้ผิวบริเวณนั้นบอบบางและอักเสบได้ง่ายกว่าปกติ

วิธีป้องกันการเกิดสิวหัวหนอง

สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบหรือสิวหนองบ่อยครั้ง จำเป็นต้องดูแลผิวของตัวเองให้แข็งแรงและสะอาดอยู่เสมอ เพื่อลดโอกาสอักเสบของผิวและลดปัญหาสิวอุดตัน ซึ่งจะเป็นต้นตอของสิวหนองในอนาคต ซึ่ง The One Clinic มี 10 วิธีง่าย ๆ ดูแลปัญหาสิวเบื้องต้นด้วยตัวเองมาฝากกัน

  1. รักษาความสะอาดของใบหน้าและร่างกายอย่างสม่ำเสมอ อาบน้ำ-ล้างหน้า วันละ 2 ครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีค่ากรดด่างเหมาะสมกับสภาพผิว
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ ทั้งมือ กระดาษเช็ดหน้า รวมทั้งหน้ากากอนามัย
  3. เช็ดล้างเครื่องสำอางให้หมดจดก่อนล้างหน้าทุกครั้ง และควรใช้โทนเนอร์สูตรอ่อนโยนเช็ดหน้าก่อนบำรุงผิว
  4. ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดสิว เช่น ความร้อน แสงแดด เหงื่อ และไขมัน
  5. ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะกับสภาพผิว ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน
  6. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน เช่น ครีมกันแดดที่มีน้ำมันมาก หรือรองพื้นที่มีความหนาจนเกินไป
  7. หมวกที่สวมใส่ควรซักทำความสะอาดบ่อย ๆ เพื่อลดความอับชื้นและการหมักหมมของสิ่งสกปรก
  8. ทานผักและผลไม้ทุกมื้อ เพื่อให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
  9. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เสริมสร้างสุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอก
  10. หลีกเลี่ยงความเครียดและทำใจให้สบาย

วิธีรักษาสิวหนอง ยุบไว หายเร็ว

รักษาสิวหนอง

หากคุณมีปัญหาสิวหนองเรื้อรังหรืออาการอักเสบรุนแรงขึ้น ที่ The One Clinic มีวิธีการรักษาสิวหนองทางการแพทย์หลายระดับ ซึ่งแพทย์จะตรวจสอบสภาพผิว วิเคราะห์ความรุนแรงของสิวและสภาพผิวของคนไข้ก่อนแนะนำขั้นตอนการรักษาที่ตรงจุด ช่วยให้ปัญหาสิวทุเลาลงและเห็นผลลัพธ์ชัดเจน

1. ยารับประทานและยาทาภายนอก

  • ยารับประทานในการรักษาสิวหนองคือยา Isotretinoin ซึ่งจำเป็นต้องทานต่อเนื่อง 4-5 เดือนและสามารถทานคู่กับยาปฏิชีวนะอื่น ๆ ตามการประเมินของแพทย์และเภสัชกร
  • ยาทาประเภท Retinoids และ Benzoyl peroxide เพื่อลดอาการอุดตันของรูขุมขน

2. Monopolar RF 

นวัตกรรมพลังงานคลื่นวิทยุ หรือ Radio Frequency (RF) ที่ช่วยรักษาสิวอักเสบที่เป็นเรื้อรังหรือสิวที่เกิดขึ้นบริเวณเดิมซ้ำ ๆ ซึ่งพลังงานคลื่นวิทยุจะเข้าไปฆ่าเชื้อ P. Acne ที่สิว ทำลายต่อมไขมันบริเวณที่เกิดสิวอักเสบให้สลาย ช่วยลดสิวหัวขาวและสิวหัวดำที่เกิดจากต่อมไขมันทำงานผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด

3. นวัตกรรมคลื่นวิทยุ Acgen (แอกเจน) 

เครื่องมือใหม่ล่าสุดจากประเทศเกาหลีใต้ ช่วยรักษาสิวที่ต้นตอด้วยการปล่อยคลื่นวิทยุหรือ Radio Frequency (RF) เข้าไปลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง โดยไม่ต้องใช้ยา และไม่มีผลข้างเคียง ทำงานโดยการส่งพลังงานวิทยุเพื่อหยุดยั้งการทำงานของต่อมไขมันและฆ่าเชื้อ P. Acnes ช่วยลดการอักเสบที่บริเวณชั้นผิวและลดสิวอย่างเห็นผล

คำถามที่พบบ่อย

Q : สิวหนองหายเองได้ไหม?
A : สิวหนองอาจหายเองได้ แต่อาจใช้เวลานานและอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ควรรักษาด้วยยาทาและยารับประทาน ควบคู่กับการรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

Q : บีบ/กดสิวหนองได้ไหม?
A : ไม่ควรแกะหรือบีบสิว เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงขึ้นและทิ้งรอยแผลเป็นระยะยาว 

Q : เมื่อสิวหนองเกิดขึ้น ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่? 
A : หากเป็นสิวหนองนานกว่า 2-4 สัปดาห์ หรือมีอาการอักเสบรุนแรงขึ้น ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี

ตัดวงจรสิวหนอง หมอหนึ่งดูแลทุกเคสอย่างตรงจุด

การตัดวงจรสิวหัวหนอง หมอหนึ่ง จาก The One Clinic ช่วยดูแลทุกเคสอย่างใส่ใจ วิเคราะห์ปัญหาอย่างตรงจุด และหาทางป้องกันไม่ให้สิวเกิดซ้ำ ด้วยการวินิจฉัยสาเหตุของสิว ซักประวัติ และตรวจสภาพผิวอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุว่าสิวเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ ไรขน การแพ้ หรือฮอร์โมน

The One Clinic มีนวัตกรรมรักษาสิวและโปรแกรมเกี่ยวกับผิวหนังให้เลือกอย่างตอบโจทย์ หากคุณต้องการปรึกษาปัญหาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ เรามีแพทย์เฉพาะทางพร้อมให้บริการทุกวัน เดินทางง่าย ใกล้ MRT ห้วยขวาง

บทความที่คล้ายกัน

รักษาสิว

รวม 18 วิธีรักษาสิวให้หายขาด ผิวกลับมาเรียบเนียน สุขภาพดี

18 วิธีรักษาสิวที่เห็นผล! เคล็ดลับดูแลผิวหน้าให้หายจากสิว ให้ผิวกลับมาเรียบเนียน สุขภาพดี ด้วยการดูแล รักษาและป้องกันที่คุณสามารถทำได้เอง

สิวที่หัว

สิวที่หัวขึ้นเต็มไปหมด เจ็บมาก กวนใจ แถมหายช้า เกิดจากอะไรและรักษาอย่างไรให้หายไว

สิวที่หัวขึ้นเยอะ เจ็บ และหายช้า? หมอหนึ่งอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักถึงสาเหตุของสิวที่หัว พร้อมวิธีการป้องกันและรักษาให้หายขาด

เชื้อราบนหนังศีรษะ

เชื้อราบนหนังศีรษะ ผมร่วง คันหัวมาก เกิดจากอะไร? รักษาอย่างไรให้หายขาด?

ปัญหากวนใจ คันหนังศีรษะ เชื้อราบนหนังศีรษะหากปล่อยทิ้งไว้ส่งผลต่อปัญหาผิวหนังและเส้นผม เพียงเข้าใจสาเหตุ วิธีป้องกัน และได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีสามารถหายขาดได้