หน้าพัง สิวเต็มหน้า ทำไงดี? สาเหตุ วิธีรักษา และวิธีป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำ!

ผิวหน้าพังคือสภาวะที่ผิวอ่อนแอและเสียสมดุล ซึ่งสามารถแสดงออกได้หลายรูปแบบ เช่น ผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองบ่อย มีสิวเห่อขึ้นเป็นประจำ แดง ลอก หรือบางลงจนเห็นเส้นเลือดใต้ผิวชัดเจน ปัญหาเหล่านี้มักเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สกินแคร์ที่ไม่เหมาะสม พฤติกรรมการดูแลผิวที่รุนแรง มลภาวะ ความเครียด หรือแม้แต่ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ผิวที่เคยแข็งแรงกลับกลายเป็นผิวที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นง่ายกว่าปกติ 

บทความนี้จาก The One Clinic จะพาคุณเข้าใจสาเหตุของผิวหน้าพัง พร้อมแนะนำแนวทางฟื้นฟูอย่างตรงจุดเพื่อให้ผิวกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

สารบัญ

สาเหตุของหน้าพังที่พบบ่อย

หน้าพัง สาเหตุ

คำว่า “หน้าพัง” มักใช้อธิบายสภาพผิวที่เสื่อมโทรมอย่างหนัก มีปัญหาหลายอย่างพร้อมกัน เช่น สิวเห่อรุนแรง ผิวบางแพ้ง่ายมาก มีรอยดำรอยแดงที่เห็นได้ชัด ผิวแห้งกร้านหรือหน้ามันเยิ้มผิดปกติ หรือเกิดริ้วรอยก่อนวัยอย่างรวดเร็ว การจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องเข้าใจ “ต้นตอ” หรือ รากเหง้าของปัญหาอย่างลึกซึ้ง โดยปัญหาหน้าพังอาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง วันนี้หมอหนึ่งรวบรวมสาเหตุที่พบบ่อยมาฝากกันค่ะ

  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารอันตรายหรือไม่ตรงตามมาตรฐาน:

      • ผลิตภัณฑ์ที่ลักลอบใส่สารอันตราย เช่น สารปรอท สเตียรอยด์ (โดยไม่ได้อยู่ในการดูแลของแพทย์) หรือ ไฮโดรควิโนนในปริมาณสูง เพื่อให้เห็นผลเร็ว อาจทำให้ผิวบางลง แพ้ง่ายขึ้น เกิดอาการหน้าติดสารหรือหน้าแพ้สาร รวมถึงการเกิดสิวสเตียรอยด์ เส้นเลือดฝอยขยายตัว หรือเกิดฝ้าถาวรได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัญหาผิวที่แก้ไขได้ยากและต้องใช้เวลาพอสมควร
  • การแพ้เครื่องสำอาง

      • การเลือกใช้สกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่ไม่ตรงกับสภาพผิวของตัวเอง (เช่น ผิวมันแต่ใช้ครีมเนื้อหนัก หรือผิวแห้งแต่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ควบคุมความมันมากเกินไป)
      • ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน (Comedogenic) ทำให้เกิดสิวอุดตัน สิวอักเสบตามมา
      • แพ้น้ำหอม แอลกอฮอล์ สารกันเสีย หรือส่วนผสมบางชนิดในสกินแคร์หรือเครื่องสำอาง ทำให้เกิดอาการระคายเคือง ผื่นแดง คัน หรือสิวเห่อ
  • การดูแลผิวผิดวิธี

      • สครับผิวหรือผลัดเซลล์ผิวบ่อยหรือรุนแรงเกินไป: ทำให้ผิวบาง แพ้ง่าย และไวต่อแสง
      • ล้างหน้าไม่สะอาด: ทำให้สิ่งสกปรก เครื่องสำอาง และความมันตกค้าง อุดตันรูขุมขน
      • ล้างหน้าบ่อยหรือแรงเกินไป: ทำลายเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวแห้ง ระคายเคือง และอ่อนแอลง
      • การบีบ แคะ แกะสิว: ทำให้สิวอักเสบลุกลาม เกิดรอยแผลเป็น และอาจติดเชื้อได้
      • การละเลยการป้องกันแสงแดด: ไม่ทาครีมกันแดด หรือทาในปริมาณที่ไม่เพียงพอ ทำให้ผิวถูกทำร้ายจากรังสียูวี (UV) ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัย และผิวอ่อนแอลง
  • ทำเลเซอร์บ่อยเกินไป

  • การทำเลเซอร์ไม่ได้ทำให้หน้าพัง แต่การทำถี่เกินไป หรือ ไม่ได้ทำหัตถการโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ก็มีโอกาสทำให้เกิดอาการหน้าบางลงได้ ทางที่ดีควรรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะแพทย์สามารถประเมินปัญหาผิวและออกแบบวิธีการรักษาได้อย่างเหมาะสม

อาการของผิวหน้าพัง

อาการของผิวหน้าพัง หรือผิวหน้าที่ไม่แข็งแรง อาจแสดงออกมาได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง โดยทั่วไปแล้ว สามารถสังเกตอาการได้ดังนี้ค่ะ

ลักษณะทางกายภาพของผิวที่เปลี่ยนแปลงไป:

  • ผิวแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย: ผิวขาดความชุ่มชื้น ทำให้รู้สึกสาก ไม่เรียบเนียน
  • ผิวแดง มีผื่นคัน: เป็นอาการที่พบได้บ่อย บ่งบอกถึงการอักเสบหรือการแพ้ อาจมีอาการคันร่วมด้วยในบางกรณี
  • แสบ แสบร้อน ระคายเคืองผิว: รู้สึกไม่สบายผิว อาจเกิดจากการแพ้ การระคายเคือง หรือเกราะป้องกันผิวอ่อนแอ
  • ผิวบางลง เห็นเส้นเลือดฝอยชัดเจน: เป็นสัญญาณว่าโครงสร้างผิวอ่อนแอและบอบบาง ทำให้มองเห็นเส้นเลือดใต้ผิวได้ง่ายขึ้น
  • มีสิวเห่อ หรือเกิดสิวได้ง่ายกว่าปกติ: การที่ผิวไม่แข็งแรงอาจทำให้รูขุมขนอุดตันง่ายขึ้น หรือผิวไวต่อปัจจัยกระตุ้นการเกิดสิว
  • รูขุมขนกว้างขึ้น: ผิวที่ขาดความกระชับและยืดหยุ่นอาจทำให้รูขุมขนดูใหญ่และชัดขึ้น
  • ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ: การที่ผิวถูกทำร้ายอาจส่งผลต่อการผลิตเม็ดสี ทำให้ผิวดูไม่สดใส หรือมีจุดด่างดำ กระ ฝ้า เกิดขึ้น
  • เกิดริ้วรอยก่อนวัย: ผิวที่ขาดการบำรุงและถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่องจะสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่น ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายและชัดเจนขึ้น

อาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น:

  • ผิวไวต่อแสงแดด: เมื่อโดนแดดอาจมีอาการแสบร้อน แดง หรือคล้ำเสียง่ายกว่าปกติ
  • มีอาการคันยุบยิบเมื่อเจอเหงื่อ ฝุ่น หรือมลภาวะ: เป็นสัญญาณว่าผิวมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกได้ง่าย
  • แต่งหน้าไม่ติดทน: เนื่องจากสภาพผิวที่ไม่เรียบเนียนและแห้งกร้าน

หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ควรหาสาเหตุและดูแลผิวอย่างถูกวิธี หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมค่ะ

วิธีฟื้นฟูหน้าพังอย่างเห็นผล

เมื่อผิวหน้าเข้าสู่ภาวะพัง ไม่ว่าจะเป็นสิวเห่อ แดง แห้งลอก หรือบางลงจนรู้สึกแสบง่าย การดูแลผิวแบบเดิมอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะผิวในช่วงนี้ต้องการการฟื้นฟูที่อ่อนโยนและตรงจุด เพื่อฟื้นสมดุลและเสริมเกราะป้องกันผิวให้กลับมาแข็งแรงอย่างยั่งยืน 

The One Clinic ได้รวบรวมแนวทางฟื้นฟูผิวหน้าพังที่เน้นการรักษาจากภายในสู่ภายนอก พร้อมแนะนำวิธีดูแลที่เห็นผลจริง มีความปลอดภัย และเหมาะกับสภาพผิวที่อ่อนแอ

  • วิธีรักษาผิวหน้าพังด้วยตนเอง

การดูแลผิวหน้าพังด้วยตัวเองนั้น หัวใจสำคัญคือการ หยุดสิ่งที่ทำให้ผิวแย่ลง และ เน้นการฟื้นฟูให้ผิวกลับมาแข็งแรง เหมือนเวลาที่เราไม่สบาย ร่างกายก็ต้องการการพักผ่อนและการดูแลอย่างอ่อนโยน ผิวหน้าเราก็เช่นกันค่ะ ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้ดูนะคะ

  • หยุดสาเหตุ: งดใช้ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่สงสัยว่าทำให้แพ้หรือระคายเคือง
  • ทำความสะอาดอ่อนโยน: ใช้ Cleanser สูตรอ่อนโยนสำหรับผิวแพ้ง่าย ล้างด้วยน้ำอุณหภูมิปกติและเบามือที่สุด
  • บำรุงเน้นชุ่มชื้น/เกราะผิว: ทา Moisturizer ที่มีส่วนผสมช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว (เช่น Ceramides, Hyaluronic Acid) เน้นเติมความชุ่มชื้น
  • ปกป้องผิวจากแดด: ทาครีมกันแดดสำหรับผิวแพ้ง่ายเป็นประจำ และเลี่ยงการออกแดดจัด
  • ดูแลตัวเอง: พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ ทานอาหารมีประโยชน์ และลดความเครียด

หากอาการไม่ดีขึ้น แย่ลง หรือรุนแรงมาก ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อวินิจฉัยสาเหตุและหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

  • วิธีรักษาหน้าพัง สิวขึ้นเต็มหน้า ด้วยแพทย์โรคผิวหนัง

เมื่อสิวขึ้นเต็มหน้าจน “หน้าพัง” การพบแพทย์ผิวหนังเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะแพทย์จะมีขั้นตอนการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัย

  • วินิจฉัย: ตรวจดูชนิดและความรุนแรงของสิว เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง 
  • วางแผนการรักษา: กำหนดแนวทางที่เหมาะสม การที่หน้าพังเพราะสิวส่วนใหญ่มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่นอาการแพ้ หรือ เชื้อราร่วมด้วย ดังนั้นการรักษาให้ถูกทางจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งอาจรวมถึง:
    • ยาทา: เช่น อนุพันธ์วิตามินเอ, Benzoyl Peroxide, ยาปฏิชีวนะ 
    • ยารับประทาน: เช่น ยาปฏิชีวนะ, Isotretinoin (ในกรณีรุนแรง), ยาปรับฮอร์โมน
    • หัตถการ: เช่น กดสิว, ฉีดสิว, เลเซอร์หรือหัตถการอื่นๆที่แก้ปัญหาให้ตรงจุด
  • แนะนำการดูแล: ให้คำแนะนำเรื่องการดูแลผิวที่ถูกต้องและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม หรือรักษาอาการอื่น ๆ เช่น เชื้อรา ผื่นแพ้ ที่อาจเป็นร่วมด้วย
  • ติดตามผล: นัดตรวจเพื่อปรับยาและวิธีการรักษาจนกว่าสิวจะดีขึ้นและควบคุมได้

สิ่งสำคัญคือต้องอดทน ให้เวลาในการรักษา และทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ

วิธีป้องกันไม่ให้ผิวหน้าพังอีก

เพื่อป้องกันไม่ให้ “หน้าพัง” ทั้งจากสิวและปัญหาผิวอื่น ๆ ให้เน้นการดูแลอย่างสม่ำเสมอและอ่อนโยนดังนี้:

  1. ทำความสะอาดผิวอ่อนโยน: ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งด้วยคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ไม่ขัดถูแรง ๆ
  2. ให้ความชุ่มชื้น: ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวเป็นประจำ เพื่อเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
  3. กันแดดห้ามขาด: ทาครีมกันแดดทุกวัน แม้ในวันที่ไม่ออกแดดจัด เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี สาเหตุของริ้วรอย จุดด่างดำ และการอักเสบ
  4. เลือกผลิตภัณฑ์อย่างฉลาด:
    • สำหรับคนเป็นสิว: เลือกใช้สูตร “Non-comedogenic” (ไม่อุดตัน), “Oil-free” (ปราศจากน้ำมัน)
    • ผิวแพ้ง่าย: เลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม พาราเบน แอลกอฮอล์ หรือสารระคายเคือง
    • ทดสอบก่อนใช้: ลองผลิตภัณฑ์ใหม่ที่บริเวณเล็ก ๆ ก่อนเสมอ
    • ไม่ใช้เยอะเกินไป: การใช้สกินแคร์หลายตัว หรือเข้มข้นเกิน อาจทำให้ผิวระคายเคืองง่ายกว่าปกติ
  5. ห้ามแกะ เกา บีบ: พฤติกรรมนี้ทำให้ผิวช้ำ อักเสบ เกิดสิวใหม่ รอยดำ รอยแดง และหลุมสิวถาวร
  6. สุขอนามัยส่วนตัว:
    • ล้างมือให้สะอาดก่อนจับหน้า
    • ทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือ แปรงแต่งหน้า และเปลี่ยนปลอกหมอน ผ้าเช็ดหน้าเป็นประจำ
  7. ดูแลสุขภาพองค์รวม:
    • นอนหลับให้เพียงพอ
    • จัดการความเครียด
    • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
    • สังเกตอาหารที่อาจกระตุ้นให้เกิดปัญหาผิว (เช่น นม, น้ำตาลสูง, ของมันของทอด)
  8. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง: หากมีปัญหาผิวเรื้อรัง หรือต้องการดูแลเป็นพิเศษ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพผิวคุณ

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการมีวินัยในการดูแลผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอและอ่อนโยนในทุกวันค่ะ

หน้าพัง ใช้อะไรดี

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำสำหรับผิวหน้าพัง

สำหรับผิว “หน้าพัง” ควรเน้นดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่:

  • อ่อนโยนสูงสุด: ปราศจากน้ำหอม, แอลกอฮอล์, สี, สารกันเสีย (Paraben-free)
  • ไม่อุดตัน (Non-comedogenic): เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก
  • เสริมเกราะป้องกันผิว: มี Ceramide, Fatty Acids, Cholesterol
  • ปลอบประโลมผิว: มีส่วนผสมเช่น Panthenol, Niacinamide

ครีมกันแดด: สูตร Non-comedogenic, Oil-free, เนื้อบางเบา ซึมไว ไม่มีแอลกอฮอล์

ผิวหน้าพังต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานแค่ไหน?

ระยะเวลาในการฟื้นฟูผิว “หน้าพัง” นั้น แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น:

  • สาเหตุและความรุนแรงของปัญหา:

    • สิว: สิวอักเสบที่ไม่รุนแรงอาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์ แต่สิวรุนแรง (สิวซีสต์, สิวเห่อ) หรือสิวเรื้อรัง อาจใช้เวลา หลายเดือนถึงครึ่งปี (3-6 เดือน) หรือนานกว่านั้นกว่าจะสงบลงและเริ่มฟื้นฟู
    • เกราะป้องกันผิวเสีย (Skin Barrier Damage): หากเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์รุนแรง, แพ้, หรือลอกหนัก ๆ หากเป็นเพียงเล็กน้อยอาจใช้เวลา ไม่กี่สัปดาห์ (2-4 สัปดาห์) แต่ถ้าเสียหายรุนแรง อาจใช้เวลา 2-6 เดือน ในการฟื้นฟูให้กลับมาแข็งแรง ปรกติผิวหนังของเราจะผลัดเซลล์ผิวทั้งหมดภายในเวลา 28-30 วันค่ะ
    • รอยสิว (แดง/ดำ): รอยแดงมักจางภายใน 1-3 เดือน รอยดำอาจใช้เวลา หลายเดือนถึงเป็นปี (ขึ้นอยู่กับการรักษาและการใช้กันแดดร่วมด้วยอย่างสม่ำเสมอ)
    • หลุมสิว: การรักษาหลุมสิวซึ่งเป็นรอยแผลเป็นถาวรต้องใช้หัตถการและใช้เวลา นานหลายเดือน กว่าจะเห็นผลชัดเจน และไม่หายขาด 100%
  • ความสม่ำเสมอในการรักษาและดูแล: การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดและใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้เร็วขึ้นค่ะ
  • สภาพผิวและการตอบสนองของแต่ละบุคคล: ผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนฟื้นตัวเร็ว บางคนอาจใช้เวลานานกว่าค่ะ

The One Clinic ดูแลปัญหาผิวพัง หน้าพัง อย่างตรงจุด

สำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าพัง ปัญหาผิวหนังเรื้อรัง อาทิ สิว ฝ้า กระ รอยดำ รอยแดง หรือริ้วรอยต่าง ๆ สามารถเข้ามารับคำปรึกษากับคุณหมอหนึ่ง ที่ The One Clinic ได้ทุกวัน เรามีแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์ช่วยวินิจฉัยและประเมินการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับคนไข้แต่ละราย

The One Clinic มีหัตถการและรูปแบบการรักษาที่ครอบคลุมปัญหาผิวของคุณ อาทิ เลเซอร์ ยาทาสูตรเฉพาะของแพทย์ รวมถึงยาสำหรับรับประทานควบคู่ไปกับการรักษา เราเน้นความจริงใจในการให้บริการ แนะนำเฉพาะหัตถการที่เหมาะสมกับคนไข้เท่านั้น ไม่เลี้ยงไข้ และไม่ขายคอร์สเกินความจำเป็น เพราะเราอยากให้ทุกคนเข้าถึงการรักษาและได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผิวหน้าพัง

Q : สิวขึ้นเต็มหน้าจากปัญหาหน้าพังควรรักษายังไง?

A : แนะนำให้รีบไปหาหมอเลยค่ะ เพราะถึงขนาดหน้าพังแล้วอย่ารอเลยค่ะจะยิ่งเป็นมากขึ้นและรักษายากขึ้น

Q : ผิวหน้าพังจะกลับมาแข็งแรง 100% ได้ไหม?

A : ได้ค่ะ สามารถกลับมาแข็งแรงใหม่ 100% ได้ แต่รอยดำ หรือ แผลที่เกิดขึ้นอาจจะไม่กลับมาเหมือนก่อนหน้าพังค่ะ ต้องใช้เวลาและรักษาอย่างต่อเนื่อง

Q : หน้าพัง สิวเห่อ ช่วงหน้าร้อน เกิดจากอะไร

A : สิวเห่อหน้าร้อนเกิดจาก ความร้อนและเหงื่อ ทำให้ ผิวมันขึ้นมาก และ รูขุมขนกว้าง สิ่งเหล่านี้ทำให้ สิ่งสกปรกและแบคทีเรียอุดตันรูขุมขนง่ายขึ้น เกิดเป็นสิว และอากาศร้อนชื้นยังเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ทำให้สิวอักเสบและสิวผดเกิดขึ้นได้ง่ายค่ะ

Q:  การฟื้นฟูผิวหน้าพังใช้เวลานานแค่ไหน?

A: ระยะเวลาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของปัญหา โดยทั่วไป หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ผิวจะเริ่มดีขึ้นใน 2-3 เดือน และจะฟื้นฟูจนกลับมาแข็งแรงเต็มที่ใน 3-6 เดือน หรือนานกว่านั้นสำหรับกรณีที่รุนแรงมากค่ะ

Q: ควรไปพบแพทย์ผิวหนังเมื่อไหร่?

A: ควรไปพบแพทย์ทันทีเมื่อ:

  • สิวเห่อรุนแรงมาก ไม่ตอบสนองต่อการดูแลตัวเอง
  • ผิวหน้าแพ้ เห่อแดง คัน หรือแสบร้อนมากจนรบกวนชีวิตประจำวัน
  • มีอาการผิวหนังอักเสบ หรือปัญหาผิวที่ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

บทความที่คล้ายกัน

หน้าพัง สิวเห่อ

หน้าพัง สิวเต็มหน้า ทำไงดี? สาเหตุ วิธีรักษา และวิธีป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำ!

หน้าพัง สิวเห่อ สิวอุดตัน สิวอักเสบเต็มหน้า เกิดจากอะไร? รู้วิธีรักษาที่ได้ผลจริง พร้อมเทคนิคดูแลผิวหน้า ป้องกันไม่ให้สิวกลับมาอีกครั้ง

รูขุมขนกว้าง

รูขุมขนกว้าง รักษาอย่างไร? รู้สาเหตุ วิธีดูแลให้รูขุมขนกระชับ ผิวหน้าเรียบเนียน!

รู้ไหม? รูขุมขนกว้างแก้ได้! เพียงรู้สาเหตุ พร้อมวิธีดูแลผิวให้กระชับ เรียบเนียน ลดมัน ลดสิว เห็นผลจริง ที่ The One Clinic

สิวที่อก

สิวขึ้นหน้าอกไม่หายสักที? ลองเช็กสาเหตุ การป้องกัน และวิธีรักษาอย่างได้ผล

สิวที่หน้าอกรักษาได้! เจาะลึกสาเหตุ วิธีดูแล และการป้องกันที่ได้ผลจริง พร้อมเคล็ดลับดูแลผิวหน้าอกให้เรียบเนียน ไร้สิวซ้ำซาก