รังแคเยอะคันหัว ทำยังไงดี? รู้สาเหตุ การป้องกันและวิธีรักษาที่เห็นผล

​​รังแค และอาการคันหัว เป็นปัญหากวนใจที่หลายคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกไม่สบายหนังศีรษะแล้ว ยังส่งผลต่อความมั่นใจในชีวิตประจำวัน 

แม้รังแคจะดูเหมือนปัญหาเล็ก ๆ แต่ในความจริงแล้ว สาเหตุของรังแคมีความซับซ้อนกว่าที่คิด ทั้งปัจจัยจากเชื้อรา ความมันหรือความแห้งของหนังศีรษะ รวมไปถึงพฤติกรรมการดูแลผมและสุขภาพโดยรวม การเข้าใจต้นตอของปัญหาและเลือกวิธีแก้รังแคให้ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าปล่อยไว้นาน รังแคอาจลุกลามจนทำให้หนังศีรษะอักเสบและเกิดผมร่วงตามมา

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักรังแคแบบเจาะลึก เทคนิคเลือก ยาสระผมแก้รังแค และการดูแลหนังศีรษะให้สุขภาพดี เพื่อช่วยให้คุณจัดการปัญหารังแคได้อย่างตรงจุดและยั่งยืน

สารบัญ

รังแค (Dandruff) คืออะไร?

รังแคคือภาวะที่ผิวหนังบริเวณหนังศีรษะเกิดการผลัดเซลล์เร็วกว่าปกติ จนกลายเป็นขุยเล็ก ๆ สีขาวหรือเหลืองที่มองเห็นได้ชัดและมักตกบนเสื้อผ้า ลักษณะนี้แตกต่างจากผิวแห้งทั่วไป เพราะมักมาพร้อมอาการคัน ระคายเคือง หรือแม้แต่ผิวหนังแดงอักเสบในบางราย
ในเชิงการแพทย์ รังแคมักเกี่ยวข้องกับภาวะ Seborrheic Dermatitis ซึ่งมีสาเหตุจากความมันบนหนังศีรษะและเชื้อรา Malassezia ทำให้วงจรการผลัดเซลล์ผิวสั้นลงจนเกิดขุยขนาดใหญ่และหนา

สาเหตุของรังแค

รังแค สาเหตุ

รังแคไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะหนังศีรษะสกปรกเท่านั้น แต่มีหลายปัจจัยร่วม ทั้งเชื้อราที่เติบโตบนหนังศีรษะ ความสมดุลของน้ำมันผิวที่ผิดปกติ ไปจนถึงพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมในชีวิตประจำวัน การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้สามารถเลือกวิธีรักษาและป้องกันได้อย่างตรงจุด ลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำและควบคุมอาการได้ในระยะยาว

  1. เชื้อรา Malassezia

เชื้อรานี้เป็นยีสต์ที่อยู่บนผิวหนังของคนทั่วไป แต่จะเติบโตมากขึ้นเมื่อหนังศีรษะมีความมันสูง เชื้อราจะย่อยน้ำมัน (Sebum) ให้กลายเป็นกรดไขมันที่ทำให้ผิวหนังอักเสบ ส่งผลให้เกิด เชื้อราบนหนังศีรษะ มีอาการคัน ขุย และรังแคอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าไม่ได้ควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อรานี้ด้วยแชมพูหรือยาต้านเชื้อรา อาการรังแคมักกำเริบซ้ำและรุนแรงขึ้นในระยะเวลาอันสั้น

2. หนังศีรษะมันเกินไป หรือแห้งเกินไป

  • Seborrheic scalp (มันเกินไป): การผลิตน้ำมันมากเกินทำให้เกิดการสะสมและเป็นอาหารชั้นดีของเชื้อรา Malassezia จึงทำให้รังแคกำเริบง่าย
  • Dry scalp (แห้งเกินไป): เมื่อหนังศีรษะขาดน้ำ ผิวจะแห้ง ลอก และคัน การใช้แชมพูแรง ๆ หรืออากาศเย็นจัดก็เป็นตัวกระตุ้นให้แห้งมากขึ้น

3. ปัจจัยอื่น ๆ

  • ความเครียด: ฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงขึ้นจากความเครียด ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงและควบคุมเชื้อราได้ไม่ดี
  • ฮอร์โมน: ช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้นมักมีน้ำมันบนหนังศีรษะมากขึ้นเพราะฮอร์โมนเพศ ทำให้รังแคกำเริบ
  • อาหาร: การขาดสังกะสี วิตามินบี6 หรือกรดไขมันโอเมก้า-3 อาจทำให้ผิวและหนังศีรษะไม่แข็งแรง
  • ผลิตภัณฑ์เคมี: การใช้เจล สเปรย์ หรือแชมพูที่มีสารซัลเฟตสูง อาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดรังแคซ้ำ

อาการของรังแค สังเกตได้อย่างไร?

  • ขุยสีขาวหรือเหลือง: มักเห็นได้ชัดบนเสื้อผ้าสีเข้มหรือไหล่ ขุยอาจหลุดออกมาเป็นแผ่นเล็ก ๆ หรือฝุ่นผง
  • อาการคันหนังศีรษะ: เกิดจากหนังศีรษะอักเสบ และระคายเคืองผิว มักคันตลอดทั้งวัน และรุนแรงขึ้นเมื่อเหงื่อออกหรืออากาศร้อน
  • รอยแดงหรืออักเสบ: พบได้ในผู้ที่มีรังแครุนแรงหรือ Seborrheic Dermatitis โดยรอยแดงจะอยู่ตามแนวไรผม หลังหู หรือท้ายทอย

กลิ่นหนังศีรษะเปลี่ยน: เมื่อมีรังแคจากเชื้อรา อาจมีกลิ่นอับหรือมัน ๆ จากการย่อยน้ำมันบนหนังศีรษะ

วิธีแก้รังแคเบื้องต้นด้วยยาสระผม

การเลือกใช้ยาสระผมที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์เฉพาะเพื่อลดเชื้อราและปรับสมดุลหนังศีรษะ ยาสระผมเหล่านี้จะทำงานตรงจุด ช่วยลดอาการคัน ขุย และการอักเสบ โดยควรเลือกให้เหมาะกับสาเหตุและสภาพหนังศีรษะของแต่ละคน ดังนี้

  • สาร Zinc Pyrithione

ช่วยลดการเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียบนหนังศีรษะ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาการอักเสบและลดอาการคัน เหมาะสำหรับการใช้เป็นประจำเพื่อควบคุมรังแคให้อยู่หมัด

  • Ketoconazole

เป็นยาต้านเชื้อราที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัด Malassezia โดยตรง เหมาะกับรังแคที่มีอาการคันและอักเสบมาก ใช้ต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2 ครั้งจะเห็นผลชัดใน 2–4 สัปดาห์

  • Selenium Sulfide

ออกฤทธิ์ชะลอการผลัดเซลล์ผิวและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา เหมาะสำหรับรังแคที่หนาและมีน้ำมันมาก ควรใช้ตามคำแนะนำเพราะอาจทำให้สีผมเปลี่ยนได้ในบางคน

  • Coal Tar

มีคุณสมบัติชะลอการแบ่งตัวของเซลล์ผิว ลดการก่อตัวของขุยใหม่ เหมาะสำหรับรังแคจาก Seborrheic Dermatitis หรือโรคสะเก็ดเงิน แต่กลิ่นและสีอาจไม่ถูกใจบางคน

รวม 5 วิธีดูแลหนังศีรษะ ป้องกันรังแค

วิธีป้องกันรังแค
  • สระผมด้วยแชมพูต้านรังแค: เลือกสูตรที่เหมาะกับสาเหตุของคุณ และสระอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดการสะสมของเชื้อราและน้ำมัน 
  • ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงหรือสูตรธรรมชาติเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและบรรเทาอาการคัน
  • หลีกเลี่ยงการเกาแรงๆ และนวดหนังศีรษะเบา ๆ: ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ตัวยาจากแชมพูหรือเซรั่มซึมซาบได้ดีขึ้น 
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียด
  • หลีกเลี่ยงการใช้เจลตกแต่งเส้นผม หรือสเปรย์ที่มีสารระคายเคืองก่อให้เกิดรังแค

วิธีรักษารังแคให้หายขาด

แม้รังแคจะเป็นปัญหาที่กวนใจ แต่ในหลายกรณีสามารถควบคุมและบรรเทาได้ ดังนี้

รักษารังแคด้วยตนเอง

  • Zinc Pyrithione: ใช้ต่อเนื่องเพื่อลดเชื้อราและควบคุมอาการคันได้ในระยะยาว
  • Ketoconazole: เหมาะกับรังแคจากเชื้อราโดยตรง ลดการลุกลามและการอักเสบ
  • Selenium Sulfide: เหมาะกับผู้ที่มีขุยหนามากและหนังศีรษะมัน
  • Coal Tar: ใช้ในรายที่มีการสร้างขุยเร็วเกินไป เช่น ในโรคสะเก็ดเงิน

ทรีทเมนต์และเซรั่มบำรุงหนังศีรษะ

  • Tea Tree Oil: ต้านการอักเสบและเชื้อรา ให้ความรู้สึกเย็นสบายหลังใช้
  • โทนิคใบบัวบก: ฟื้นฟูสภาพผิว ลดรอยแดง และเพิ่มการไหลเวียนเลือด
  • สเปรย์ Biotin: ช่วยให้รากผมแข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วง

Home Remedies สูตรธรรมชาติ

  • น้ำส้มสายชูหมักแอปเปิล: ปรับค่า pH ของหนังศีรษะ ลดเชื้อราและความมัน
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ: เติมความชุ่มชื้นและลดการระคายเคือง
  • น้ำผึ้งผสมมะนาว: ผลัดเซลล์เก่าอย่างอ่อนโยนและลดเชื้อแบคทีเรีย

ปรับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์

  • สระผมให้เหมาะสม: 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อลดการล้างน้ำมันมากเกินไป
  • หลีกเลี่ยงการเกาหนังศีรษะแรง ๆ: เพราะอาจทำให้เกิดแผลและติดเชื้อ
  • ลดความเครียดและนอนให้เพียงพอ: เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันและปรับสมดุลฮอร์โมน

ติดตามผลและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

  • จดบันทึกอาการทุกสัปดาห์: เพื่อประเมินว่าสูตรการรักษาได้ผลหรือไม่
  • สลับใช้แชมพู: เพื่อป้องกันการดื้อยาหรือการปรับตัวของเชื้อรา

รักษารังแคด้วยทางการแพทย์

หากรังแคมีอาการรุนแรง คันหัวต่อเนื่อง หนังศีรษะแดงหรืออักเสบ และยาสระผมทั่วไปเอาไม่อยู่ อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ เช่น

  • Steroid Lotion / Scalp Spray
    ใช้สำหรับกรณีรังแคที่มีอาการอักเสบรุนแรง เช่น หนังศีรษะแดง บวม หรือมีผื่นร่วมกับขุย ออกฤทธิ์ลดการอักเสบอย่างรวดเร็ว ทำให้คันน้อยลงและช่วยให้ยาต้านเชื้อราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ต้องใช้ตามคำสั่งแพทย์เพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากการใช้สเตียรอยด์เป็นเวลานาน
  • Phototherapy / UV Light
    การรักษาด้วยแสงอัลตราไวโอเลตเป็นวิธีทางการแพทย์ที่ใช้ในกรณี Seborrheic Dermatitis รุนแรงหรือดื้อยาสระผม การฉายแสงจะช่วยลดการอักเสบและชะลอการผลัดเซลล์ผิว ข้อดีคือเหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาบางชนิดได้ แต่ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง
  • Systemic Antifungal
    คือยาต้านเชื้อราที่รับประทาน ใช้เมื่อการใช้ยาทาภายนอกไม่เพียงพอ หรือมีการติดเชื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์กำจัดเชื้อราทั้งจากภายในและภายนอก เหมาะสำหรับผู้ที่มีรังแคร่วมกับการติดเชื้อราบริเวณอื่นของร่างกาย แต่ต้องตรวจเลือดและติดตามผลการทำงานของตับอย่างใกล้ชิด

ผลกระทบของรังแคต่อการหลุดร่วงของเส้นผม

แม้รังแคจะไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของผมร่วง แต่การเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรงเพราะคันสามารถทำลายรากผมและทำให้ผมร่วงมากขึ้น นอกจากนี้การอักเสบเรื้อรังบนหนังศีรษะอาจทำให้วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมสั้นลง และทำให้ผมใหม่งอกช้ากว่าปกติ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะผมบางและสูญเสียความมั่นใจในระยะยาว

รังแครุนแรง vs รังแคเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เมื่อไหร่?

  • รังแครุนแรง: มีขุยหนามาก หนังศีรษะมันผิดปกติ คันและแดงทั่วศีรษะ อาจเกิดขึ้นเฉียบพลันหลังจากเปลี่ยนแชมพูหรือสภาพอากาศ
  • รังแคเรื้อรัง: อาการคงอยู่ต่อเนื่องเกิน 3 เดือน แม้จะใช้ยาสระผมต้านรังแคหลายสูตรแล้วก็ตาม มักมีภาวะ Seborrheic Dermatitis ร่วมด้วย

ควรพบแพทย์ทันทีเมื่อ:

  • มีแผลเปื่อยหรือเลือดออกจากการเกาหนังศีรษะ
  • มีผื่นแดงลุกลามไปที่ใบหน้า หลังหู หรือบริเวณอื่น
  • มีไข้หรืออาการบวมร่วมกับการอักเสบของหนังศีรษะ
  • ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ ร่วมกับรังแคจำนวนมาก

บอกลารังแคและอาการคันหัว คืนความมั่นใจให้หนังศีรษะ ที่ The One Clinic

การรักษารังแคให้ได้ผล ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการสระผมบ่อยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องวิเคราะห์สาเหตุให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเชื้อรา ความมันหรือความแห้งของหนังศีรษะ รวมถึงปัจจัยด้านพฤติกรรมและสุขภาพ การเลือกยาสระผมหรือวิธีรักษาที่ตรงจุดและต่อเนื่อง จะช่วยลดขุย ควบคุมอาการคัน และฟื้นฟูหนังศีรษะให้แข็งแรงได้ในระยะยาว

หากคุณมีอาการรังแคเรื้อรัง คันหัวไม่หาย หรือหนังศีรษะอักเสบ The One Clinic พร้อมให้คำปรึกษาวิเคราะห์ปัญหาอย่างละเอียด และเลือกวิธีรักษาที่เหมาะกับคุณที่สุด เพื่อให้คุณกลับมามีหนังศีรษะสุขภาพดี ปราศจากรังแค และมั่นใจได้ทุกวัน

FAQ – คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรังแค

Q: รังแคเกิดจากอะไร?

 A: รังแคเกิดจากการผลัดเซลล์ผิวบนหนังศีรษะเร็วผิดปกติ โดยมีปัจจัยหลักคือเชื้อรา Malassezia ความมันหรือความแห้งของหนังศีรษะ และปัจจัยเสริมอย่างความเครียด ฮอร์โมน อาหาร หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง

Q: ยาสระผมแก้รังแคตัวไหนดีที่สุด?

 A: ไม่มีสูตรเดียวที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ควรเลือกตามสาเหตุ เช่น รังแคจากเชื้อรารุนแรงเหมาะกับ Ketoconazole หรือ Selenium Sulfide ส่วนรังแคทั่วไปใช้ Zinc Pyrithione ได้ผลดี

Q: คันหัวเพราะรังแคหรือเป็นโรคอื่น?

 A: อาการคันหัวอาจเกิดจากรังแค แต่ถ้ามีอาการร่วม เช่น ผมร่วงเป็นหย่อม แผลแดง หรือมีตุ่มน้ำ อาจเป็นโรคผิวหนังอื่น เช่น กลากเกลื้อน หรือโรคสะเก็ดเงิน ควรให้แพทย์ตรวจวินิจฉัย

Q: สระผมบ่อยแค่ไหนจึงเหมาะกับรังแค?

 A: โดยทั่วไปควรสระผม 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ถ้าหนังศีรษะมันมากหรือเหงื่อออกเยอะ สามารถสระได้ทุกวันด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยนสลับกับสูตรต้านรังแค

บทความที่คล้ายกัน

รังแค

รังแคเยอะคันหัว ทำยังไงดี? รู้สาเหตุ การป้องกันและวิธีรักษาที่เห็นผล

คันหัวมาก รังแคทำลายความมั่นใจ รู้สาเหตุ การป้องกัน และวิธีการรักษารังแคตรงสาเหตุ เพื่อคืนความมั่นใจ และหนังศีรษะกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง

ผมบางกลางหัว

ผมบางกลางหัว เกิดจากอะไร? ฟื้นฟูให้กลับมาหนาดกสุขภาพดีอีกครั้ง

รู้สาเหตุผมบางกลางหัว ทั้งกรรมพันธุ์ ฮอร์โมน และพฤติกรรม พร้อมวิธีฟื้นฟูให้ผมกลับมาหนานุ่ม สุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ