สิวหัวช้างใหญ่มาก! สาเหตุคืออะไร? รักษาอย่างไรไม่ให้ทิ้งรอย?

สิวเรื้อรัง คืออะไร?

สิวหัวช้าง (Nodulocystic Acne) เป็นสิวที่มีการอักเสบลึกลงในชั้นผิวหนัง จะมีลักษณะเป็นตุ่มแข็ง บวมแดง และมีขนาดใหญ่กว่าสิวประเภทอื่นๆ เมื่อไปกดหรือโดนที่สิวก็จะรู้สึกระบม ซึ่งสิวหัวช้างอาจจะมีหัวสิวเดียวหรือหลายๆ หัวรวมกันก็ได้ หากรักษาไม่ถูกวิธีหรือแกะเกาด้วยตัวเอง อาจจะทำให้อักเสบมากขึ้นและกลายเป็นหลุมสิว หรือ รอยแผลเป็นประเภท Keloid ทิ้งรอยดำบนผิว

สิวหัวช้างถือว่าเป็นสิวชนิดอักเสบรุนแรง รักษายาก และยาทาทั่วๆ ไปอาจจะไม่ค่อยเห็นผล แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี ทั้งช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ทำให้สิวยุบลง และไม่ทิ้งรอยแผลเป็นกวนใจภายหลัง

สิวหัวช้างเกิดจากสาเหตุอะไร?

อย่างที่ทราบว่าสิวหัวช้างเกิดจากการอักเสบอย่างรุนแรงของรูขุมขนที่มีน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วอุดตันสะสมจนเกิดการก่อตัวของเชื้อแบคทีเรีย P. acne ซึ่งวันนี้ The One Clinic รวบรวมต้นเหตุมาฝากกัน เพื่อให้ทุกคนได้ป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดสิวหัวช้างด้วยตัวเอง

  1. ความอับชื้นจากเหงื่อ
    คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำหรือคนที่มีเหงื่อเยอะ จะทำให้เสื้อผ้าเกิดการอับชื้น เมื่อต้องใส่แนบผิวตลอดทั้งวันก็จะเข้าไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันอุดตัน จนกลายเป็นสิวหัวช้างที่บริเวณลำตัว 
  2. ฮอร์โมน
    ร่างกายอาจจะผลิตฮอร์โมน Androgen มากเกินไป ส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงที่มีภาวะมีถุงน้ำรังไข่หลายใบ  (PCOS) หรือวัยรุ่น ร่างกายจึงผลิตไขมันมากกว่าปกติและเกิดการอุดตันที่รูขุมขนได้ง่าย
  3. พันธุกรรม
    หากสมาชิกในครอบครัวของคุณมีประวัติเป็นสิวหัวช้างบ่อยครั้ง หรือเคยเป็นสิวหัวช้าง คุณก็อาจจะมีโอกาสเกิดสิวหัวช้างได้มากกว่าคนทั่วๆ ไป
  4. ยาประเภทสเตียรอยด์
    หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปและและไม่ได้ดูแลโดยแพทย์ผิวหนัง ก็อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายและสิวอักเสบรุนแรงขึ้น
  5. เครื่องสำอางและสกินแคร์
    ในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรังผิวบางแบรนด์อาจจะมีสารสกัดบางชนิดที่ไปกระตุ้นการอักเสบหรือทำให้รูขุมขนอุดตันได้เช่นกัน
  6. ความเครียด
    สำหรับคนที่มีความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ภูมิต้านทานอาจจะต่ำลงและกระตุ้นให้อาการอักเสบของสิวรุนแรงขึ้น

บริเวณที่มักเกิดสิวหัวช้าง

สิวหัวช้างสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีการหมักหมมของเหงื่อและต่อมไขมัน รวมทั้งบริเวณที่เป็นสิวและปล่อยไว้นานๆ โดยไม่ได้รับการรักษา สำหรับ 3 จุดหลักๆ ที่พบสิวหัวช้างบ่อยที่สุด คือ

  1. สิวที่คาง เพราะเป็นจุดที่ชอบเอามือลูบไล้หรือวางไว้บนโต๊ะที่มีเชื้อโรคสะสม หรือการสวมใส่หน้ากากอนามัยที่มีความอับชื้นก็ทำให้เกิดการอุดตันได้เช่นกัน
  2. สิวที่จมูก โดยเฉพาะตรงปลายจมูกที่มักสัมผัสกับหน้ากากอนามัยโดยตรง เพราะเป็นบริเวณทีโซนที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาในปริมาณมาก
  3. สิวที่หลัง เป็นจุดที่เหงื่อออกมาก อับชื้น และเกิดการสะสมของแบคทีเรียได้มาก ยิ่งต้องเสียดสีกับเสื้อผ้าตลอดทั้งวัน ก็ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงเป็นสิวหัวช้างได้

วิธีดูแลตัวเองฉบับง่ายๆ เมื่อเป็นสิวหัวช้าง

  1. ห้ามแกะ บีบ กด หรือเกา ที่บริเวณสิวหัวช้าง เด็ดขาด! เพราะจะทำให้มีการติดเชื้อและอักเสบรุนแรงขึ้น ที่สำคัญยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดหลุมสิวอีกด้วย
  2. สิวหัวช้างต้องใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน เพราะต้องรอให้อาการอักเสบลดลงจนแห้งและหายดี ไม่มียาทาภายนอกที่สามารถรักษาสิวหัวช้างให้ดีขึ้นได้ภายในเวลาไม่กี่วัน 
  3. ใช้ยาทาในกลุ่มของ Retinoids และ Benzoyl peroxide ที่จะออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อ หรือ ลดอาการอุดตันของรูขุมขน

ข้อควรรู้

ไม่มียาตัวไหนที่สามารถทาแล้วทำให้สิวหัวช้างดีขึ้นได้ภายใน 2-3 วัน มีแต่เพียงสเตียรอยด์เท่านั้นซึ่งหากใช้อย่างไม่ถูกต้องอาจจะทำให้อาการดีขึ้นได้เพียงระยะสั้นๆ แต่ในระยะยาว ไม่นานสิวหัวช้างก็จะกลับมาใหม่หนักกว่าเดิม

วิธีรักษาสิวหัวช้างไม่ให้ทิ้งรอย

สำหรับวิธีรักษาสิวหัวช้างทางการแพทย์ก็มีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิว สภาพผิวของคนไข้ รวมทั้งลักษณะของสิวหัวช้าง

  • การฉีดสิว
      • แพทย์จะทำการฉีดยาประเภทสเตียรอยด์อ่อนๆ เพื่อเข้าไปทุเลาการอักเสบและทำให้อาการบวมลดลงได้ภายใน 2-3 วัน
  • ยารับประทานและยาทาภายนอก
    • ยารับประทานในการรักษาสิวหัวช้างคือยา Isotretinoin โดยจำเป็นต้องทานต่อเนื่อง 4-5 เดือนและยังสามารถทานคู่กับยาปฏิชีวนะอื่นๆ ตามการประเมินของแพทย์และเภสัชกร
    • ยาทาประเภท Retinoids และ Benzoyl peroxide เพื่อลดอาการอุดตันของรูขุมขน

  • Lutronic Spectra Gold Laser  เครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐาน USFDA จากสหรัฐอเมริกา เป็นเลเซอร์ที่ช่วยบรรเทาการอักเสบ รักษารอยดำรอยแดงจากสิว รวมถึงการดูแลกระชับรูขุมขน และช่วยให้สีผิวผิวดูสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
  • Monopolar RF พลังงานคลื่นวิทยุที่ช่วยรักษาสิวอักเสบที่เป็นเรื้อรังหรือสิวที่เกิดขึ้นบริเวณเดิมซ้ำๆ ซึ่งพลังงานคลื่นวิทยุจะเข้าไปฆ่าเชื้อ P. Acne ที่สิว ทำลายต่อมไขมันบริเวณที่เกิดสิวอักเสบให้สลาย
  • ไป ที่สำคัญยังช่วยลดสิวหัวขาวและสิวหัวดำที่เกิดจากต่อมไขมันทำงานผิดปกติได้อีกด้วย
  • นวัตกรรมคลื่นวิทยุ Acgen (แอกเจน) เครื่องมือใหม่ล่าสุดจากเกาหลีใต้ ที่รักษาสิวที่ต้นตอด้วยการปล่อยคลื่นวิทยุหรือ Radiofrequency (RF) เพื่อลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง โดยไม่ต้องใช้ยา และไม่มีผลข้างเคียง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวหัวช้าง

Q: สิวหัวช้างกี่วันหาย?
A: การรักษาสิวหัวช้างอย่างถูกวิธีต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ 1-2 เดือนถึงจะดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของสิว ความรุนแรงของสิว และสภาพผิวของแต่ละคน

Q: สิวหัวช้างหายเองได้หรือไม่?
A: สิวหัวช้างไม่สามารถหายเองได้ จำเป็นต้องรักษาเพื่อลดการอักเสบ

Q: รักษาสิวหัวช้างด้วยตัวเองได้หรือไม่?
A: ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อประเมินอาการและเลือกวิธีการรักษาที่ตอบโจทย์  

Q: สิวหัวช้างปล่อยไว้นานเป็นหลุมสิวหรือไม่?
A: สิวหัวช้างที่ไม่ได้รับการรักษา ปล่อยอักเสบไปนานๆ จะทำให้เกิดเป็นหลุมสิวได้ ที่สำคัญยังทำให้เกิดแผลเป็นประเภทคีลอยด์ได้อีกด้วย

Q: สิวหัวช้าง ควรกดหรือบีบไหม?
A: ไม่ควรกดหรือบีบสิวหัวช้างด้วยตัวเองเด็ดขาด เพราะจะทำให้อักเสบรุนแรงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ รวมทั้งเพิ่มโอกาสการเกิดหลุมสิวบนผิวหนัง

Q: สิวหัวช้าง พบได้ทุกวัยไหม?
A: สิวหัวช้างเกิดขึ้นได้ทุกวัย เพราะสาเหตุหลักๆ มาจากการอุดตันของรูขุมขนและน้ำมันบนผิวหนังที่มากเกินไป ยิ่งเจอกับความอับชื้น ก็ยิ่งมีโอกาสเป็นสิวหัวช้างมากขึ้น

สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาสิว รอยสิว ฝ้า กระเนื้อ ติ่งเนื้อ ต่อมไขมันนูน จุดด่างดำ สามารถปรึกษาคุณหมอหนึ่ง แพทย์เฉพาะทางที่ The One Clinic คลินิกรักษาโรคผิวหนังย่านห้วยขวาง ที่นี่มีเครื่องมือทันสมัยคอยดูแลผิวให้คุณอย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ คุณหมอหนึ่งยังเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ดูแลคนไข้มายาวนาน ใครๆ ก็วางใจเรา!

บทความที่คล้ายกัน

สิวไม่มีหัวเกิดจากอะไร

หมอหนึ่งช่วยเอง! สิวไม่มีหัว นูน แดง เกิดจากอะไร? และรักษาอย่างไรให้หายไว?

สิวไม่มีหัว นูน แดง เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยไขมันและเซลล์ผิวหนังที่ตาย หากปล่อยไว้ทิ้งรอยรักษายาก เพียงเเค่รู้สาเหตุ และวิธีรักษาหายได้

หน้าเป็นผื่นเม็ดเล็กๆ เกิดจากอะไร

จบปัญหากวนใจ! หน้าเป็นผื่นเม็ดเล็กๆ เกิดจากอะไร? รักษาอย่างไรให้ผิวกลับเรียบเนียน?

หน้าเป็นผื่นเม็ดเล็กๆทั่วหน้า มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ ไม่มีหัว กระจายอยู่ทั่ว เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกสากๆ เกิดจากอะไร? ที่ The one clinic หาสาเหตุได้