ผมร่วงเป็นหย่อม หรือ Alopecia Areata คือ ภาวะผมร่วงผิดปกติที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายโจมตีเซลล์ที่รากผม ส่งผลให้ผมร่วงมากขึ้นผิดปกติเป็นหย่อมหรือเป็นกระจุก ผมร่วงเป็นหย่อมแม้จะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงแต่ก็มักสร้างความกังวลใจให้ใครหลายๆ คน โดยเฉพาะหากผมเกิดผมร่วงกินเป็นวงกว้างบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ความมั่นใจในชีวิตประจำวันลดลง และในบางรายอาจมีขนร่วงตามส่วนอื่นๆ ของร่างกายด้วย
ซึ่งโรคนี้เกิดขึ้นได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย ในวันนี้เรามีดูกันว่าจะมีวิธีการรักษาเพื่อหยุดการหลุดร่วงและกระตุ้นให้เส้นผมงอกขึ้นใหม่ได้อย่างไรบ้าง?
- ผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) เป็นภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโจมตีรากผม ทำให้ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ มีลักษณะเป็นวงกลม ขนาดของหย่อมผมร่วงจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน อาจพบในส่วนต่าง ๆ ของศีรษะหรือบริเวณอื่น ๆ บนร่างกาย
- มักพบได้ในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในวัยเด็กและวัยรุ่น สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรม, ความเครียด และปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม
- วิธีการรักษา ได้แก่ การใช้ยาทา, ยาฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่รากผม, การรักษาด้วย PRP (Platelet-Rich Plasma) ซึ่งเป็นการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นจากเลือดตัวเองเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของผม
- ในกรณีที่ผมร่วงอย่างรุนแรง อาจพิจารณาวิธีการปลูกผมเพื่อเสริมรากผมที่หายไป
สารบัญ
- โรคผมร่วงเป็นหย่อม คืออะไร และสาเหตุเกิดจากอะไร?
- ลักษณะอาการผมร่วงเป็นหย่อม
- ผมร่วงเป็นหย่อม พบได้ในกลุ่มใดบ้าง?
- ผมร่วงเป็นหย่อมอันตรายไหม? ผมร่วงมากขนาดไหนถึงควรพบแพทย์?
- ความแตกต่างระหว่าง ผมร่วงเป็นหย่อม และ ผมร่วงเป็นหย่อมจากเชื้อรา
- การวินิจฉัยโรคผมร่วงเป็นหย่อม
- แนวทางการรักษาอาการผมร่วงเป็นหย่อม
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผมร่วงเป็นหย่อม
- สรุป
โรคผมร่วงเป็นหย่อม คืออะไร และสาเหตุเกิดจากอะไร?
ผมร่วงเป็นหย่อม หรือชื่อทางการแพทย์ว่า Alopecia Areata คือภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ โดยไปโจมตีเซลล์รากผมเอง ทำให้เส้นผมหลุดร่วงออกเป็นวงกลมหรือหย่อมเล็ก ๆ บนหนังศีรษะ ลักษณะเด่นคือไม่มีอาการอักเสบหรือแผลบริเวณที่ผมร่วง ผิวหนังดูเรียบเนียน
ถึงแม้โรคนี้จะไม่ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพโดยตรง แต่สามารถส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและความมั่นใจได้มาก โดยเฉพาะเมื่อเกิดบริเวณที่สังเกตเห็นได้ชัด เช่น กลางศีรษะ ด้านข้าง หรือแนวไรผมด้านหน้า
ผมร่วงเป็นหย่อม พบได้บ่อยไหม?
ผมร่วงเป็นหย่อมสามารถพบได้ในทั้งเพศชายและหญิง และเกิดได้ทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะในวัยผู้ใหญ่ตอนต้นหรือวัยทำงาน ซึ่งเป็นช่วงที่มีความเครียดสูง ภาวะนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก และถือเป็นหนึ่งในรูปแบบของอาการผมร่วงที่พบบ่อยในกลุ่มโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
ในบางราย ผมร่วงอาจเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยและสามารถฟื้นฟูได้เอง แต่ในบางกรณี ผมร่วงอาจลุกลามเป็นวงกว้าง หรือเกิดซ้ำเป็นระยะ ซึ่งควรได้รับการประเมินและรักษาจากแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง
สาเหตุของผมร่วงเป็นหย่อม เกิดจากอะไร?
ต้นเหตุหลักของ ผมร่วงเป็นหย่อม มาจาก ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน (Autoimmune) ที่เข้าใจผิดว่าเซลล์รากผมเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงไปทำลายจนเส้นผมหยุดการเจริญเติบโตและหลุดร่วง
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ เช่น:
- ความเครียดสะสมหรือภาวะทางอารมณ์
- กรรมพันธุ์หรือประวัติครอบครัวที่เคยมีโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ
- การติดเชื้อหรือเจ็บป่วยที่ส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
- ภาวะขาดสารอาหารบางชนิด เช่น ธาตุเหล็ก วิตามิน D
แม้ยังไม่มีวิธีป้องกันได้ 100% แต่การตรวจเช็กอาการตั้งแต่ระยะแรกจะช่วยควบคุมไม่ให้ผมร่วงลุกลามได้

ลักษณะอาการผมร่วงเป็นหย่อม
- ผมร่วงเฉพาะจุด เป็นวงกลมหรือหย่อมเล็ก ๆ
- ไม่มีอาการคัน แสบร้อน หรือเจ็บบริเวณที่ผมร่วง
- หนังศีรษะบริเวณที่ผมร่วงเรียบเนียน ไม่มีแผลหรือผื่น
- ในบางรายอาจพบความผิดปกติที่เล็บ เช่น:
- สีเล็บแปลกไป
- หน้าเล็บขรุขระ
- เล็บบางกว่าปกติ
- เล็บแตกหรือเปราะง่าย
ภาวะนี้อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเครียดหรือไม่มั่นใจ จึงควรได้รับการดูแลทั้งด้านร่างกายและอารมณ์อย่างเหมาะสม
ประเภทของโรคผมร่วงเป็นหย่อม มีแบบไหนบ้าง?
โรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) แบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะของการหลุดร่วงของเส้นผม ซึ่งแต่ละประเภทมีความรุนแรงและขอบเขตที่แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งออกได้เป็นหลัก ๆ ดังนี้:
- Alopecia Areata (ชนิดทั่วไป)
ผมร่วงเป็นหย่อมหรือวงกลมเล็ก ๆ ในบางจุดของหนังศีรษะ เป็นรูปแบบที่พบบ่อยที่สุด มักเริ่มจากหย่อมเดียว และอาจมีจำนวนเพิ่มขึ้นภายหลัง - Alopecia Totalis
ผมร่วงทั่วบริเวณหนังศีรษะ ไม่มีเส้นผมเหลือเลย หรือเหลือเพียงเล็กน้อย ถือเป็นระยะที่รุนแรงขึ้นของโรค - Alopecia Universalis
ผมร่วงทั้งหมดทั่วร่างกาย ไม่เฉพาะศีรษะเท่านั้น แต่รวมถึงคิ้ว ขนตา หนวด เครา และขนตามแขนขา เป็นประเภทที่พบได้น้อยและรักษายากที่สุด - Ophiasis Pattern
ผมร่วงตามแนวรอบขอบศีรษะ เช่น ด้านข้างท้ายทอยและรอบไรผม มักรักษายากและตอบสนองต่อการรักษาได้น้อยกว่าประเภทอื่น - Diffuse Alopecia Areata
เป็นรูปแบบที่ผมร่วงกระจายทั่วหนังศีรษะอย่างรวดเร็ว โดยไม่จำกัดเป็นหย่อมหรือวงชัดเจน มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผมร่วงจากฮอร์โมนหรือปัญหาอื่น
การวินิจฉัยชนิดของโรคมีความสำคัญ เพราะช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนก
ผมร่วงเป็นหย่อมเกิดขึ้นกับใครได้บ้าง?
โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกวัย แต่ส่วนใหญ่มักพบในผู้ที่มีอายุระหว่าง 20-40 ปี และพบในเพศหญิงอายุต่ำกว่า 45 ปี มากกว่าเพศชายเล็กน้อย
ภาวะที่พบร่วมกับอาการผมร่วงเป็นหย่อมๆ
แม้ว่าภาวะผมร่วงเป็นหย่อมโดยตัวมันเองจะไม่ได้เป็นอันตรายหรือส่งผลกระทบใด ๆ ต่อสุขภาพแต่ก็ยังพบว่ามีบางภาวะและโรคที่สามารถเกิดขึ้นร่วมกับอาการผมร่วงเป็นหย่อมได้ ดังนี้
ผื่นแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)
ผู้ที่มีอาการผมร่วงเป็นหย่อมๆ มีความเสี่ยงที่จะเกิดผื่นแพ้ตามผิวหนัง หรือที่เรียกว่า Atopic Dermatitis ร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้ผิวบริเวณที่เกิดอาการมีลักษณะแห้งลอก มีผื่นแดง คัน และมักจะเป็นในบริเวณเดียวกับที่มีอาการผมร่วงเป็นหย่อม
โรคด่างขาว (Vitiligo)
โรคด่างขาว หรือ Vitiligo เป็นภาวะทางผิวหนังที่เกิดจากการที่เซลล์ผิวหนังไม่สามารถสร้างเม็ดสีหรือเมลานินได้ ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้น ๆ มีสีขาวอย่างผิดปกติขึ้นมา และอาจจะเป็นในบริเวณเดียวกับที่มีอาการผมร่วงเป็นหย่อม
โรคของต่อมไทรอยด์ (Thyroid disease)
มีการศึกษาพบว่าผู้ที่มีอาการผมร่วงเป็นหย่อมๆ อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเป็นโรคที่เกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ เนื่องจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่อาจส่งผลต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ ซึ่งโรคที่พบได้บ่อย ได้แก่ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย (Hypothyroidism) หรือต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน (Hyperthyroidism)
โรคของเส้นเลือดและคอลลาเจน (Collagen-vascular disease)
โรคที่เกิดขึ้นกับหลอดเลือดและคอลลาเจน ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเซลล์ตัวเอง มีความเชื่อมโยงกับการเกิดอาการผมร่วงเป็นหย่อมได้เช่นกัน เนื่องจากมีการทำลายเซลล์ของรากผมและเส้นผม ตัวอย่างโรคในกลุ่มนี้ เช่น โรคลูปัส (Lupus) เป็นต้น
โรคกังวล (Anxiety)
แม้โดยส่วนใหญ่สาเหตุของอาการผมร่วงเป็นหย่อมๆ ยังไม่ชัดเจน แต่มีบางการศึกษาที่บ่งชี้ว่า ความเครียด ความกังวล และความผิดปกติทางจิตใจบางประเภท อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการผมร่วงเป็นหย่อมขึ้นได้ หากปล่อยให้มีความเครียดและวิตกกังวลเป็นระยะเวลานาน ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเผชิญกับ Alopecia Areata ได้เช่นกัน
ผมร่วงเป็นหย่อมอันตรายไหม? ผมร่วงมากขนาดไหนถึงควรพบแพทย์?
ผมร่วงเป็นหย่อมไม่ใช่โรคที่อันตรายต่อชีวิต แต่มีผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นใจในชีวิตประจำวัน และอาจมีผลทางจิตใจค่อนข้างมากโดยเฉพาะในผู้ที่ผมร่วงกินบริเวณกว้างเกือบทั่วศีรษะหรือมีผมร่วงมากกว่า 50% ของจำนวนผมบนศีรษะ ซึ่งในบางกรณี อาการอาจกลับมาดีขึ้นเองได้โดยไม่ต้องรักษา
ผมร่วงเป็นหย่อม เป็นโรคอะไรไหม?
ผมร่วงเป็นหย่อม ไม่ใช่โรคที่อันตรายต่อชีวิต แต่สามารถส่งผลต่อความมั่นใจและสุขภาพจิตได้อย่างมาก โดยเฉพาะหากเกิดการร่วงในวงกว้าง เช่น มากกว่า 50% ของเส้นผมบนศีรษะ หรือร่วงจนเห็นหนังศีรษะชัดเจน
ในหลายกรณี อาการผมร่วงอาจดีขึ้นเองโดยไม่ต้องรักษา แต่บางครั้ง ผมร่วงเป็นหย่อม อาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นที่แฝงอยู่ เช่น:
- โรคไทรอยด์ผิดปกติ (ทั้งไฮโปและไฮเปอร์ไทรอยด์)
- โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง เช่น SLE (Systemic Lupus Erythematosus)
- ภาวะขาดสารอาหารบางชนิด เช่น ธาตุเหล็ก สังกะสี หรือวิตามิน D
- ความเครียดเรื้อรังหรือปัญหาทางจิตเวช
หากคุณมีอาการ ผมร่วงมากผิดปกติ โดยเฉพาะในรูปแบบเป็นหย่อม ๆ และสังเกตเห็นร่วมกับอาการอื่น เช่น:
- หนังศรีษะอักเสบ คันหรือมีแผล
- เล็บผิดปกติ เช่น ขรุขระ หรือเปราะบาง
- รู้สึกเหนื่อยง่าย ผิวแห้ง หนาวง่าย (อาจบ่งชี้โรคไทรอยด์)
ควรพบแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสม
สัญญาณที่ควรพบแพทย์ทันที ได้แก่:
- ผมร่วงเกินกว่า 10–20% ของศีรษะ
- ผมร่วงลุกลามอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
- มีผื่นแดง แผล หรืออาการคันผิดปกติร่วมด้วย
- มีประวัติครอบครัวเป็นโรคภูมิคุ้มกัน
การตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัดตั้งแต่ระยะแรก จะช่วยให้การรักษาได้ผลดี และลดโอกาสที่ผมจะร่วงเพิ่มขึ้นในอนาคต
ความแตกต่างระหว่าง ผมร่วงเป็นหย่อม และ ผมร่วงเป็นหย่อมจากอาการอื่นๆ เช่น แผลติดเชื้อ หรือ การแพ้สารเคมี
นอกเหนือจากอาการผมร่วงเป็นหย่อมที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผิดปกติอย่างที่เราได้กล่าวมาแล้วนั้น ยังมีอาการผมร่วงเป็นหย่อมจากสาเหตุอื่นๆ ที่ควรระมัดระวัง เช่น การติดเชื้อราบนหนังศีรษะ เชื้อแบคทีเรีย หรือการแพ้สารเคมีในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม (เช่น ยาย้อมผม ยืดผม และดัดผม)
โดยให้สังเกตุความแตกต่างจากอาการอื่นๆ ที่มักจะเกิดขึ้นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น อาการคัน การเกิดแผลบนหนังศีรษะ หรือเส้นผมเปราะบางแตกหักง่าย ซึ่งถ้าหากคุณมีอาการผมร่วงเป็นหย่อมปกติ จะไม่มีอาการผิวหนังเหล่านี้เกิดขึ้น
การวินิจฉัยโรคผมร่วงเป็นหย่อม
การวินิจฉัยโรคผมร่วงเป็นหย่อมมักพิจารณาจากลักษณะของผิวหนังและศีรษะของผู้ป่วย โดยแพทย์จะตรวจสอบลักษณะและขนาดของบริเวณที่ผมร่วง หากเป็นโรคผมร่วงเป็นหย่อมมักจะพบการผมร่วงเป็นจุดๆ เป็นวงกลมหรือมีลักษณะเป็นรูปไข่เล็กๆ โดยที่ลักษณะผิวหนังมักเรียบ และจะไม่มีอาการแดงหรือผื่นคัน
ในบางกรณีที่แพทย์สงสัยว่าอาจมีโรคอื่นๆ ที่เป็นสาเหตุของอาการผมร่วง เช่น โรคไทรอยด์ หรือโรคภูมิแพ้ตัวเอง จะต้องทำการตรวจสอบเพิ่มเติมโดยใช้วิธีการตรวจเชิงพยาธิวิทยา เช่น การตรวจเลือด เป็นต้น
"หมดกังวลเรื่องผมร่วงเป็นหย่อม ให้ The One Clinic ช่วยดูแลเส้นผมของคุณ"
แนวทางการรักษาอาการผมร่วงเป็นหย่อมที่ The one clinic

ที่ The one clinic เรามีวิธีรักษาผมร่วงเป็นหย่อมที่หลากหลาย และอาจมีการใช้แต่ละวิธีในทางเดี่ยวหรือผสมผสานกัน โดยวิธีการรักษาที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงและอาการของโรคในแต่ละบุคคล แนวทางการรักษาหลักๆ มีดังนี้
- การฉีดยาที่ได้รับการอนุมัติในการรักษาโรคผมร่วงเป็นหย่อม เช่น การฉีดยา Corticosteroid ลงไปบนจุดที่มีผมร่วง เป็นหย่อมโดยตรง

2. การทายา Minoxidil 5% ลงบนหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นให้ผมงอกใหม่ในช่วงแรกของการรักษาอาการผมร่วงเป็นหย่อม และการทายาประเภท Corticosteroid ลงไปในบริเวณหนังศีรษะที่มีอาการผมร่วงเป็นหย่อมโดยตรง เพื่อลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่จะเข้าไปทำลายรากผม
3. การใช้เลเซอร์ Low Level Laser Therapy (LLLT) ซึ่งสามารถกระตุ้นให้ผมงอกใหม่ได้ จากสมมุติฐานที่ว่าแสงเลเซอร์สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างผมใหม่จาก สเต็มเซลล์ บนหนังศีรษะได้
4. การให้อาหารเสริม เช่น ซิงค์ (Zinc) หรือไบโอติน (Biotin) อาจมีส่วนช่วยให้ผมงอกเร็วขึ้นได้หลังจากการรักษาอาการผมร่วงเป็นหย่อมในช่วงแรก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผมร่วงเป็นหย่อม
ผมร่วงเป็นกระจุกเกิดจากอะไร?
ภาวะผมร่วงเป็นหย่อมเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่โจมตีเซลล์ในรากผมของตัวเอง ทำให้ผมร่วงเป็นหย่อม ส่วนมากยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ ผมร่วงเป็นหย่อมเกิดจากอาจเกี่ยวข้องกับความเครียด ความกังวลหรือความผิดปกติทางฮอร์โมนในร่างกาย
โรคผมร่วงเป็นหย่อมกี่วันถึงจะหาย?
การรักษาโรคผมร่วงเป็นหย่อม นั้นต้องใช้เวลา เนื่องจากรอบการเจริญเติบโตของเส้นผมแต่ละเส้นค่อนข้างนาน Alopecia Areata รักษาด้วยการใช้ยาทา ยาฉีด หรือการรักษาด้วยแสง โดยต้องรักษาอย่างต่อเนื่องหลายเดือนถึงเส้นผมจะกลับมางอกได้ดังเดิม วิธีรักษาผมร่วงเป็นหย่อมที่ได้ผลดีคือ การปรึกษาแพทย์ผิวหนังและรักษาให้ถูกวิธีอย่างสม่ำเสมอ
ผมร่วงเป็นหย่อมสามารถหายเองได้ไหม
โรคผมร่วงเป็นหย่อม จะสามารถหายเองได้ภายใน 3-6 เดือน แต่ถ้ามีแนวโน้มที่รุนแรงขึ้น เช่น ผมร่วงมากกว่า 50% ของเส้นผมบนหนังศีรษะ หรือมีอาการทางผิวหนังอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น คัน เป็นแผล ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว
ต้องรักษานานขนาดไหนหรือกี่ครั้ง
90% ของคนไข้ที่มีอาการผมร่วงเป็นหย่อมจะมีอาการดีขึ้นภายใน 3 เดือนหลังจากการฉีดยาสเตียรอยด์ โดยปกติ เส้นผมจะงอกขึ้นประมาณ 0.5-1 เซนติเมตรต่อเดือน ดังนั้น การรักษาต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงจะเริ่มเห็นผล
ผมร่วงเป็นหย่อมสามารถรักษาให้หายขาดได้ไหม
อาการผมร่วงเป็นหย่อมสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถเป็นกลับมาได้อีกที่จุดเดิม หรือจุดใหม่
วิตามินและอาหารอะไรบ้างที่ช่วยบำรุงเส้นผมและการงอกขึ้นใหม่
อาหารเสริมต่างๆ เช่น ซิงค์ ไบโอติน มีส่วนช่วยให้เส้นผมงอกเร็วขึ้นได้หลังจากการรักษาในเบื้องต้น รวมถึงปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเชีย น้ำมันคาโนลา วอลนัท ถั่วเหลือง เต้าหู้ และพืชตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี กะหล่ำดอก กะหล่ำดาว เป็นต้น
สรุป
ผมร่วงเป็นหย่อม อาจเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกวัย ดังนั้น ควรดูแลตนเองให้แข็งแรง และหากมีอาการผมร่วงเป็นหย่อมควรเข้ารับการตรวจกับแพทย์เฉพาะทางเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม หากมีข้อสงสัยใดๆ เพิ่มเติม The One Clinic ห้วยขวาง ยินดีให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโรคผมร่วงเป็นหย่อม