เมื่อเข้าช่วงหน้าร้อน อากาศที่ร้อนอบอ้าวมักทำให้หลาย ๆ คนพบเจอกับปัญหา “สิวผด” ที่อาจเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นบริเวณ หน้าผาก แก้ม หรือ คาง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงทั้งต่อการใช้ชีวิตและสภาพจิตใจของใครหลายคน
ในบทความนี้ The One Clinic จึงอยากชวนคุณมาทำความรู้จักสิวผดให้มากขึ้นถึงสาเหตุแบบเจาะลึก รวมถึงแนวทางการป้องกันและรักษาเพื่อไม่ให้สิวผดกลับมากวนใจได้อีก
สิวผดคืออะไร?
สิวผด คือ รูปแบบหนึ่งของสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน โดยมักปรากฏเป็นตุ่มเล็กๆ สีขาวหรือแดง ไม่มีหัวสิว และสามารถเกิดการอักเสบได้ง่าย ลักษณะเด่นของสิวผดคือขึ้นกระจุกเป็นบริเวณ เช่น หน้าผาก แก้ม หว่างคิ้ว กรอบหน้า หรือแม้แต่บริเวณคอ หลัง และแขน สิวผดสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อน เหงื่อออกมาก หรือผิวสัมผัสกับสิ่งสกปรก เช่น ฝุ่น เครื่องสำอาง หรือความมันส่วนเกิน ทำให้เกิดการระคายเคืองและอุดตันสะสมจนกลายเป็นสิวผดในที่สุด
สิวผด เกิดจากอะไร? ทำไมสิวผดขึ้น?
1. สภาพอากาศที่ร้อนจัด
ในช่วงที่สภาพอากาศร้อนจัด อบอ้าว ร่างกายจะขับเหงื่อและไขมันออกมามากกว่าปกติ ทำให้ต่อมไขมันเกิดภาวะอุดตัน และยิ่งผิวถูกแสงแดดมาก ต่อมเหงื่อก็จะถูกกระตุ้นให้กลายเป็นสิว คนไข้หลาย ๆ เคสจะเกิดสิวผดร้อนในช่วงที่โดนแดดและอากาศร้อน แล้วอาการจะทุเลาลงในช่วงที่อากาศเริ่มเย็น
2. มลภาวะ เช่น ควันและฝุ่นละออง PM 2.5
มลภาวะในอากาศ ฝุ่น ควัน และไอเสียต่าง ๆ ก็เป็นตัวกระตุ้นให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวผดได้เช่นกัน
3. การแพ้เครื่องสำอางและแมสก์
สิวผดเกิดขึ้นได้จากการแพ้สารเคมีในเครื่องสำอาง สกินแคร์ หรือแม้แต่สารเคลือบหน้ากากอนามัย เนื่องจากสารเหล่านี้มีปฏิกิริยากับภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงสามารถกระตุ้นให้เกิดผดผื่นตามผิวหนัง และส่วนใหญ่จะมีอาการคันร่วมด้วย
4. เกิดจากเชื้อรา
สิวเชื้อราก็เป็นการอักเสบของต่อมรูขุมขนโดยมีสาเหตุมาจากเชื้อราประเภทยีสต์ในกลุ่มมาลาสซีเซีย (Malassezia species) ทำให้เกิดเป็นตุ่มสีแดงคล้ายสิวที่บริเวณผิวหนัง อาจพบเดี่ยว ๆ หรือพบร่วมกับสิวทั่ว ๆ ไป บางรายจะมีอาการคันร่วมด้วยในบริเวณที่เป็นผื่น
5. สิวผดที่กรอบหน้า
สิวผดบริเวณกรอบหน้ามักเกิดจากการสะสมของคราบเหงื่อ น้ำมันจากหนังศีรษะ รวมถึงสารเคมีจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมหรือครีมนวดผมที่ล้างออกไม่หมด เมื่อสารเหล่านี้สัมผัสกับผิวหนังบริเวณกรอบหน้า ก็จะก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและระคายเคืองจนกลายเป็นสิวผด ยิ่งในผู้ที่ใส่หมวกหรือผ้าโพกศีรษะเป็นประจำ จะยิ่งเสี่ยงต่อความอับชื้น ทำให้สิวผดขึ้นบริเวณนี้ได้ง่ายขึ้น
สิวผดพบได้บ่อยบริเวณไหนบ้าง?
1. สิวผดที่หน้าผาก
คนที่ชอบไว้ผมปรกใบหน้า หรือผมหน้าม้า มักจะเจอปัญหาสิวผดได้บ่อย เพราะเส้นผมมีสิ่งสกปรกติดแน่น ทั้งฝุ่นบริเวณไรผมและคราบเหงื่อที่ไหลลงมาจากหน้าผาก ทำให้เกิดการระคายเคือง หรือ อับชื้น จนก่อให้เกิดเชื้อรา
2. สิวผดที่คาง
เกิดจากการที่คุณล้างหน้าไม่สะอาด หรือรักษาความสะอาดไม่เพียงพอ อย่างการทานอาหารเลอะแล้วไม่เช็ดล้าง รวมทั้งคนที่ชอบเอามือลูบคาง ชอบนั่งเท้าคาง ก็ทำให้เกิดสิ่งสกปรกอุดตันได้ง่าย
3. สิวผดที่แก้ม
สิวผดที่แก้มเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งแสงแดดจัดที่กระตุ้นให้สิวผดเห่อแดดขึ้นมา การใส่แมสก์นอกบ้านเป็นเวลานาน หรือการเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางไม่หมดจด ก็เป็นต้นตอของความอับชื้นจนเกิดสิวเชื้อราที่แก้ม
4. สิวผดที่หลัง
ในช่วงอากาศร้อน ๆ เหงื่อออกเยอะ ๆ สิวผดบริเวณหลังคอและแผ่นหลังนั้นง่ายที่จะพบเจอ ยิ่งถ้าคุณสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ระบายอากาศไม่ดี เมื่อแผ่นหลังที่มีเหงื่อไปเสียดสีนาน ๆ ก็สามารถกลายเป็นอาการแพ้จนเกิดผดผื่นได้
สิวผด และสิวอุดตัน แตกต่างกันอย่างไร?

สิวอุดตัน เป็นสิวอีกประเภทหนึ่งที่หลาย ๆ คนมักสับสนว่าเป็นสิวผด เนื่องจากมีลักษณะใกล้เคียงกันในบางกรณี และเมื่อสัมผัสโดนจะไม่รู้สึกเจ็บเช่นเดียวกัน แต่จริงๆแล้ว “สิวผด” และ “สิวอุดตัน” นั้นมีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนี้
ปรึกษาแพทย์ให้ชัวร์ เป็นสิวผดหรือสิวอุดตัน?
ลักษณะของสิวผด สิวผดเป็นยังไง?
- ตุ่มเล็ก ๆ มีอาการคันร่วมด้วย
- ไม่มีหัวสิว กดสิวออกไม่ได้
- มักเกิดในบริเวณที่อับชื้น มักเห่อในช่วงอากาศร้อนอบอ้าว
- พบบ่อยที่หน้าผาก และ บริเวณกรอบหน้า
- หายได้เอง (ในกรณีสิวผดที่เกิดจากสภาพอากาศ)
ลักษณะของสิวอุดตัน สิวอุดตันเป็นยังไง?
- มีหลายขนาด และ ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการคัน
- มีหัวสิว สามารถกดออกได้
- ไม่เกี่ยวกับความอับชื้น หรือสภาพอากาศ
- พบได้ทั่วใบหน้า
- ไม่สามารถหายเองได้
ทั้งนี้สิวอุดตันนั้นเกิดจากการผลิตน้ำมัน หรือการแบ่งเซลล์ผิวบริเวณรูขุมขนมากผิดปกติ จนทำให้เกิดการอุดตันในบริเวณรูขุมขนแต่จะไม่มีอาการคัน ในขณะที่สิวผดเกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันใต้ผิวหนังส่วนใหญ่จากสภาพอากาศร้อน และจะมีการอักเสบของรูขุมขนจากเชื้อราจึงทำให้เกิดอาการคันร่วมด้วย
ดังนั้น The one Clinic แนะนำให้สังเกตความแตกต่างของสิวประเภทนี้จาก “อาการคัน” และ “การเกิดสิวที่มากขึ้นในสภาพอากาศร้อน” ก็จะทำให้เราสามารถแยกความแตกต่าง และสามารถหาวิธีรักษาที่ตรงกับปัญหาได้มากขึ้น
สิวผดรักษายังไง และวิธีป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ

สิวเป็นปัญหาผิวพรรณที่พบบ่อยและมีอาการรุนแรงต่างกัน บางเคสสามารถรักษาสิวให้หายเองได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่บางเคสมีการอักเสบรุนแรง หรือลุกลามจนสิวเห่อเต็มหน้า แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อการรักษาอย่างถูกวิธี
สิวผด ใช้อะไรดี? สกินแคร์แบบไหนที่ควรเลือกใช้
หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหา “สิวผด” ที่เกิดซ้ำซาก การเลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะสมถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการดูแลผิวอย่างถูกวิธี โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารประกอบสำคัญซึ่งช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน และฟื้นฟูผิวจากความระคายเคือง ดังนี้:
- Niacinamide: ลดการระคายเคือง เสริมเกราะป้องกันผิว และช่วยควบคุมความมันที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวผด
- Zinc PCA: มีคุณสมบัติต้านแบคทีเรียและควบคุมความมัน ช่วยลดสิวและผื่นผิวหนังที่เกิดจากความมันสะสม
- สารต้านเชื้อรา เช่น Climbazole, Piroctone Olamine: เหมาะสำหรับสิวผดที่เกี่ยวข้องกับเชื้อราหรือความอับชื้น เช่นจากการใส่แมสก์หรืออากาศร้อนชื้น
คำแนะนำเพิ่มเติม:
เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH สมดุลใกล้เคียงกับผิว (ประมาณ 5.5), ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม ซิลิโคน และสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ไวและลดความเสี่ยงการเกิดสิวซ้ำในอนาคต
การรักษาสิวผดด้วยตัวเอง
- หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดความชื้นบนผิวหนังเป็นเวลานาน ๆ
- หลีกเลี่ยงฝุ่น ควัน และมลภาวะทุกชนิด
- งดการสัมผัสหน้าบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นมือ เส้นผม หรือวัตถุอื่น ๆ
- ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดความมันหรือระคายเคืองผิวหน้า
การรักษาสิวผดโดยแพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนัง The One Clinic
- ตรวจเชื้อสิวเพื่อหาสาเหตุของสิวผด
- ยาทาฆ่าเชื้อรา เช่น Ketoconazole ส่วนในกรณีที่เป็นสิวผดจากเชื้อรารุนแรงอาจมีใช้ยากินอย่าง Itraconazole ร่วมด้วยเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า
- ในกรณีที่เป็นสิวผดจากอาการแพ้ หากคนไข้มีอาการคันมาก ๆ อาจใช้ยาทาประเภท Steroids ช่วยบรรเทาอาการคัน
- โปรแกรม IPL (Intense Pulsed Light) ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวผด
Q : สิวผดกี่วันหาย
A : โดยทั่วไปสิวผดสามารถหายได้ใน 3–7 วัน หากดูแลผิวอย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น แต่หากเกิดจากเชื้อราหรือมีอาการอักเสบ อาจใช้เวลานานขึ้นและควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
Q : ทำไมสิวผดถึงชอบเป็นๆ หาย ๆ
A : เพราะเป็นสิวผดที่มาจากแสงแดดและอากาศร้อน พบมากในประเทศไทย ควรหลีกเลี่ยง แสงแดดจัด ๆ และอากาศร้อน
Q : จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นสิวผดจากเชื้อราหรืออาการแพ้
A : สิวผดจากอาการแพ้จะหายไปเมื่อสิ่งกระตุ้นหายไป เช่น อากาศเย็นลง หรือ เลิกใช้สิ่งที่แพ้ แต่สิวเชื้อราจะไม่หายไปเอง จึงแนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์
Q : ไม่ต้องกินยาได้ไหม ใช้ยาทาอย่างเดียวไม่ได้หรือ?
A : ในกรณีที่เป็นสิวเชื้อรารุนแรง แพทย์อาจจ่ายยากินเพื่อช่วยฆ่าเชื้อราในระยะสั้น ๆ เพื่อให้อาการดีขึ้น ซึ่งไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย
Q : รักษาเองโดยไม่ต้องไปพบแพทย์ได้ไหม?
A : ถ้าสิวผดเกิดจากเชื้อรา แล้วซื้อยาลดคันประเภท Steroids มาทาจะทำให้อาการรุนแรงขึ้น หรือถ้าสิวผดที่มาจากอาการแพ้ ยาทาฆ่าเชื้อราจะไม่ทำให้อาการดีขึ้น คนไข้ต้องสังเกตว่าสิวผดนั้นเกิดจากอะไรถึงจะรักษาได้ถูกวิธี ซึ่งส่วนใหญ่สิวผดที่มาจากอาการแพ้จะสามารถหายได้เอง ดังนั้นถ้าเป็นสิวผดนานกว่า 2-3 สัปดาห์ควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างตรงจุด
สำหรับใครที่กำลังเจอปัญหาสิวผด หรือปัญหาผิวกวนใจ สามารถปรึกษาคุณหมอหนึ่ง แพทย์เฉพาะทางที่ The One Clinic คลินิกรักษาสิวห้วยขวาง ช่วยดูแลได้ทั้งเรื่องสิว รอยสิว รวมทั้งเคล็ดลับหน้าใสอีกมากมาย
แนะนำโปรแกรมสำหรับคุณ!

เลเซอร์สิว ราคาครั้งละ 2,499 บาท
พิเศษ! คอร์ส 5 ครั้ง เพียง 9,999 บาท