โรคดึงผมตัวเอง ดึงซ้ำๆ หยุดไม่ได้ คืออะไร? สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

โรคดึงผมตัวเอง (Trichotillomania) เป็นภาวะทางจิตใจอย่างหนึ่งที่ผู้ป่วยมีความรู้สึกอยากดึงผมของตัวเองซ้ำ ๆ อย่างห้ามไม่ได้ จนทำให้เกิดการหลุดร่วงของเส้นผมอย่างเห็นได้ชัด บางคนอาจดึงขนคิ้ว ขนตา หรือขนตามร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจและการใช้ชีวิตประจำวัน แล้วโรคนี้ส่งผลอะไร? รักษาได้อย่างไร? หมอหนึ่งมีคำตอบค่ะ!

สารบัญ

โรคดึงผมตัวเองคืออะไร?

สำหรับโรคดึงผมตัวเอง แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่ามีปัจจัยหลายด้านร่วมกัน ทั้งกรรมพันธุ์ ความเครียด และความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง เช่น เซโรโทนินและโดปามีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของเรา

ลองนึกภาพว่า บางครั้งเราก็มีนิสัยชอบเคาะนิ้วหรือขยับขาเวลาเรารู้สึกตื่นเต้น สำหรับคนที่เป็นโรคดึงผมตัวเองก็คล้าย ๆ กัน แต่ความรู้สึกอยากทำจะรุนแรงมากจนแทบห้ามตัวเองไม่ได้ พฤติกรรมนี้ไม่ใช่แค่การดึงผมเล่น ๆ แต่เป็นความต้องการที่เกิดขึ้นจากภายใน บางครั้งรู้ตัว บางครั้งไม่รู้ตัว โดยมักเกิดขึ้นในช่วงที่รู้สึกเครียด กังวล เบื่อหน่าย หรือแม้แต่ขณะกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ก็ได้

ผลที่ตามมาคือ ผมร่วงเป็นหย่อม ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่เป็นโรครู้สึกไม่มั่นใจ อาย หรือกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตนเอง บางคนอาจพยายามซ่อนรอยผมที่หายไป หรือปกปิดพฤติกรรมนี้จากคนรอบข้าง

การดูแลรักษาโรคดึงผมตัวเองสามารถทำได้ โดยมักใช้การบำบัดทางจิตใจร่วมกับการใช้ยาในบางกรณี เช่น การบำบัดพฤติกรรม (CBT) ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีรับมือกับอารมณ์และค่อย ๆ เปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้น สิ่งสำคัญคือ การได้รับความเข้าใจและการสนับสนุนจากคนรอบข้าง รวมถึงการพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการดูแลอย่างเหมาะสม เพราะโรคนี้สามารถดีขึ้นได้ หากได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและใส่ใจ

สาเหตุของโรคดึงผมตัวเอง

โรคดึงผมตัวเอง สาเหตุ

สาเหตุที่แท้จริงของโรคดึงผมตัวเองยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่ามีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้เกิดโรคนี้ขึ้น ได้แก่:

  • ปัจจัยทางพันธุกรรม: มีแนวโน้มว่าหากมีบุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคทางจิตเวช เช่น โรคดึงผมตัวเอง โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) หรือโรคเกี่ยวกับความวิตกกังวล จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้
  • ปัจจัยทางชีวภาพ: ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และโดปามีน (Dopamine) อาจมีบทบาทในการเกิดโรคนี้
  • ปัจจัยทางจิตใจและอารมณ์:
    • ความเครียดและความวิตกกังวล: การดึงผมอาจเป็นกลไกในการรับมือกับความเครียด ความวิตกกังวล หรือความรู้สึกไม่สบายใจ
    • ความเบื่อหน่าย: ในบางครั้ง การดึงผมอาจเป็นเพียงกิจกรรมที่ทำเมื่อรู้สึกเบื่อ
    • ความรู้สึกโล่งใจหรือพึงพอใจ: ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกโล่งใจหรือพึงพอใจหลังจากดึงผม
    • ปัญหาทางอารมณ์อื่น ๆ: เช่น ภาวะซึมเศร้า ความรู้สึกผิด หรือความอับอาย
  • ปัจจัยทางพฤติกรรม: พฤติกรรมการดึงผมอาจเริ่มต้นจากการลองทำ และเมื่อทำซ้ำ ๆ ก็จะกลายเป็นนิสัยที่ควบคุมได้ยาก

อาการของโรคดึงผมตัวเอง

อาการหลักของโรคดึงผมตัวเองคือ การดึงผมของตนเองซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่อง จนสังเกตได้ว่าผมบางหรือมีผมร่วงเป็นหย่อม ๆ

อาการอื่น ๆ ที่อาจพบร่วมด้วย ได้แก่:

  • รู้สึกอยากดึงผมอย่างมาก จนควบคุมได้ยาก
  • อาจรู้สึกกระวนกระวายหรือไม่สบายใจก่อนดึงผม และรู้สึกดีขึ้นหรือโล่งใจหลังจากดึง
  • การดึงผมอาจเกิดขึ้นโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้ เช่น ตอนดูทีวี หรือตอนคิดอะไรเพลิน ๆ
  • อาจดึงผมจากบริเวณใดก็ได้ เช่น หนังศีรษะ คิ้ว ขนตา หรือบริเวณอื่น ๆ ของร่างกายที่มีขน
  • บางคนอาจมีพฤติกรรมอื่น ๆ เกี่ยวข้องกับผมที่ดึงออกมา เช่น เอามาเล่น กัด หรือกลืน
  • รู้สึกอับอาย เสียใจ หรือกังวล เกี่ยวกับการดึงผมและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับรูปลักษณ์ของตนเอง

ผลกระทบของโรคดึงผมตัวเอง

การดึงผมตัวเองไม่เพียงทำให้เกิดอาการผมบาง หรือผมร่วงเป็นหย่อม แต่โรคดึงผมตัวเองยังส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยในหลายด้าน ดังนี้:

  1. ด้านร่างกาย:

  • ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ หรือผมบาง: เป็นผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด อาจเกิดขึ้นบริเวณหนังศีรษะ คิ้ว ขนตา หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
  • ผิวหนังอักเสบหรือระคายเคือง: การดึงผมซ้ำ ๆ อาจทำให้หนังศีรษะอักเสบหรือบริเวณที่ดึงผมเกิดการอักเสบ แดง หรือระคายเคือง
  • การติดเชื้อ: หากมีการดึงผมจนเกิดบาดแผล อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • ความเสียหายต่อรูขุมขน: การดึงผมเป็นเวลานานอาจทำให้รูขุมขนเสียหายและส่งผลต่อการงอกใหม่ของเส้นผม
  • ปัญหาทางทันตกรรม: ในบางรายที่ชอบกัดหรือเคี้ยวผมที่ดึงออกมา อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพฟัน
  1. ด้านจิตใจและอารมณ์:

  • ความรู้สึกอับอายและผิดหวัง: ผู้ป่วยมักรู้สึกอับอายและผิดหวังกับพฤติกรรมของตนเองและการสูญเสียเส้นผม
  • ความวิตกกังวลและความเครียด: ความต้องการที่จะดึงผมและความกังวลเกี่ยวกับรูปลักษณ์อาจทำให้เกิดความวิตกกังวลและความเครียด
  • ภาวะซึมเศร้า: การสูญเสียความมั่นใจในตนเองและปัญหาทางสังคมที่ตามมาอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า
  • ความรู้สึกผิด: ผู้ป่วยอาจรู้สึกผิดที่ควบคุมพฤติกรรมของตนเองไม่ได้
  • ความรู้สึกโดดเดี่ยว: การพยายามซ่อนพฤติกรรมจากผู้อื่นอาจทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว
  1. ด้านสังคม:

  • ปัญหาในการเข้าสังคม: ความกังวลเกี่ยวกับรูปลักษณ์อาจทำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ
  • ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด: พฤติกรรมการดึงผมอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก
  • การถูกล้อเลียนหรือตีตรา: ผู้ป่วยอาจถูกล้อเลียนหรือถูกมองในแง่ลบจากผู้อื่น
  1. ด้านการใช้ชีวิตประจำวัน:

  • ปัญหาในการทำงานหรือการเรียน: ความกังวลและอาการทางจิตใจอื่น ๆ อาจส่งผลต่อสมาธิและความสามารถในการทำงานหรือการเรียน
  • การหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่าง: เช่น การว่ายน้ำ หรือกิจกรรมที่ทำให้เห็นบริเวณที่ผมร่วงชัดเจน
  • การใช้เวลาและความพยายามในการปกปิด: ผู้ป่วยอาจต้องเสียเวลาและความพยายามอย่างมากในการปกปิดร่องรอยการดึงผม

วิธีวินิจฉัยโรคดึงผมตัวเอง

การวินิจฉัยโรคดึงผมตัวเองมักจะทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือผู้ให้การบำบัดที่มีประสบการณ์ในการวินิจฉัยและรักษาโรคนี้ โดยทั่วไปแล้ว กระบวนการวินิจฉัยจะประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้ค่ะ

ขั้นตอนแรกเลย คือ การซักประวัติ (History Taking) หมอจะถามคำถามหลายอย่าง เพื่อให้เข้าใจถึงลักษณะของอาการดึงผมที่เป็น เช่น

  • อาการเริ่มเมื่อไหร่? ตอนเด็ก วัยรุ่น หรือเพิ่งมาเป็นตอนโต?
  • ความถี่ในการดึงผมเป็นยังไง? ดึงบ่อยแค่ไหน? มีช่วงที่ดึงมากเป็นพิเศษไหม?
  • บริเวณที่ดึงผมคือตรงไหนบ้าง? หนังศีรษะ คิ้ว ขนตา หรือส่วนอื่น?
  • มีอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้ดึงผมไหม? เช่น ความเครียด ความกังวล ความเบื่อ หรือบางทีก็ไม่รู้ตัว?
  • รู้สึกยังไงก่อนดึงผม? มีความรู้สึกอยากทำที่ควบคุมไม่ได้ไหม?
  • รู้สึกยังไงหลังดึงผม? โล่งใจ สบายใจ หรือรู้สึกผิด?
  • เคยพยายามที่จะหยุดดึงผมเองไหม? ทำได้นานแค่ไหน?
  • อาการนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง? เช่น การเข้าสังคม การเรียน การทำงาน หรือความรู้สึกมั่นใจในตัวเอง?
  • มีประวัติโรคทางจิตเวชอื่น ๆ หรือไม่? ทั้งของตัวเองและคนในครอบครัว

ขั้นตอนที่สองคือ การตรวจร่างกาย (Physical Examination) แพทย์จะตรวจดูบริเวณที่มีผมร่วง เพื่อดูว่าลักษณะการร่วงเป็นแบบไหน เข้าได้กับโรคดึงผมตัวเองหรือไม่ และเพื่อแยกโรคทางผิวหนังอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผมร่วงได้

ขั้นตอนที่สามคือ การประเมินตามเกณฑ์วินิจฉัย (Diagnostic Criteria) ซึ่งตรงนี้แพทย์จะอิงตามคู่มือ DSM-5-TR โดยมีเกณฑ์หลัก ๆ ดังนี้:

  • ต้องมีการดึงผมซ้ำ ๆ จนทำให้ผมร่วงอย่างเห็นได้ชัด
  • ต้องมีความพยายามที่จะลดหรือหยุดพฤติกรรมการดึงผม แต่ทำได้ยาก
  • พฤติกรรมการดึงผมนี้ต้องไม่ใช่อาการของโรคทางผิวหนังอื่น หรือความผิดปกติทางจิตเวชอื่น ๆ เช่น โรคที่ทำให้เกิดภาพหลอนว่ามีแมลงไต่ตามตัว
  • อาการนี้ต้องสร้างความทุกข์ หรือส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน

ขั้นตอนสุดท้ายคือ การวินิจฉัยแยกโรค (Differential Diagnosis) แพทย์จะต้องแน่ใจว่าอาการที่เป็นไม่ได้เกิดจากโรคอื่นที่มีอาการคล้ายคลึงกัน เช่น

  • โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder – OCD): แม้ว่าอาจมีพฤติกรรมที่ทำซ้ำ ๆ แต่แรงจูงใจอาจแตกต่างกัน
  • ความผิดปกติของรูปลักษณ์ (Body Dysmorphic Disorder): ผู้ป่วยจะหมกมุ่นกับรูปลักษณ์ภายนอก แต่ไม่ได้เน้นที่การดึงผมโดยตรง
  • โรคทางผิวหนัง: บางโรคอาจทำให้เกิดอาการคันหรืออยากดึงผม

โดยรวมแล้ว การวินิจฉัยโรคดึงผมตัวเองจะมาจากการพูดคุยกันอย่างละเอียด การตรวจร่างกาย และการพิจารณาตามเกณฑ์วินิจฉัยใน DSM-5-TR รวมถึงการแยกโรคอื่น ๆ ที่อาจมีอาการคล้ายกัน หากคนไข้มีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามหรือปรึกษาที่ The One Clinic ได้เลยค่ะ

วิธีรักษาโรคดึงผมตัวเอง

วิธีรักษาโรคดึงผมตัวเองมักเป็นการผสมผสานระหว่างการบำบัดทางจิตวิทยาและการใช้ยา โดยมีแนวทางการรักษาหลัก ๆ ดังนี้:

1. การบำบัดทางจิตวิทยา:

  • Habit Reversal Training (HRT): เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ช่วยให้ผู้ป่วยระบุปัจจัยกระตุ้นและเรียนรู้วิธีตอบสนองด้วยพฤติกรรมอื่นแทนการดึงผม
  • Cognitive Behavioral Therapy (CBT): ช่วยจัดการความคิดและความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับการดึงผม
  • Acceptance and Commitment Therapy (ACT): ช่วยให้ผู้ป่วยยอมรับความคิดและความรู้สึก และมุ่งเน้นไปที่การใช้ชีวิตตามเป้าหมาย
  • Dialectical Behavior Therapy (DBT): อาจช่วยในเรื่องการควบคุมอารมณ์

2. การใช้ยา:

  • Selective Serotonin Reuptake Inhibitors (SSRIs): เช่น ฟลูออกซิติน อาจช่วยลดอาการย้ำคิดย้ำทำและความวิตกกังวล
  • N-acetylcysteine (NAC): สารต้านอนุมูลอิสระที่บางการศึกษาพบว่าอาจช่วยลดความต้องการดึงผม
  • ยาอื่น ๆ: แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาอื่น ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น

การรักษาโรคดึงผมตัวเองมักต้องใช้เวลาและความอดทน การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลค่ะ

หมอหนึ่งแชร์เคล็ดลับ! ลดพฤติกรรมดึงผมตัวเอง

จากประสบการณ์การรักษาคนไข้ผมร่วงผมบางจากโรคดึงผมตัวเองนะคะ เราเข้าใจถึงความรู้สึกและผลกระทบของโรคดึงผมตัวเอง เลยอยากจะเสริมเคล็ดลับเพิ่มเติมจากมุมมองที่อาจจะเน้นความรู้สึกและการดูแลตัวเองมากขึ้นค่ะ

  1. เข้าใจและยอมรับตัวเอง: สิ่งแรกที่สำคัญมาก ๆ คือการที่เราต้องเข้าใจว่าโรคดึงผมตัวเองเป็นภาวะทางการแพทย์อย่างหนึ่ง ไม่ใช่ความผิดหรือความอ่อนแอของเรานะคะ การยอมรับตัวเองจะช่วยลดความรู้สึกผิดและความกดดันได้
  2. ใส่ใจความรู้สึกตัวเอง: ลองสังเกตดูว่าช่วงไหนที่เรามักจะดึงผมมากเป็นพิเศษ มีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นไหม? เช่น เหงา เศร้า กังวล หรือเบื่อ การเข้าใจอารมณ์ตัวเองจะช่วยให้เราหาทางรับมือกับมันได้ดีขึ้นค่ะ
  3. สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง: ลองมองไปรอบๆ ตัวเราค่ะ มีอะไรที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้บ้างเพื่อช่วยลดโอกาสในการดึงผม? เช่น ถ้าชอบดึงผมหน้ากระจก อาจจะลองหาผ้ามาคลุมกระจกไว้ หรือถ้าชอบดึงผมตอนดูทีวี อาจจะหาอะไรทำมือไปด้วย เช่น ถักไหมพรม หรือปั้นดินน้ำมัน
  4. ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง: การดูแลตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ค่ะ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเบา ๆ ที่เราชอบ และหากิจกรรมที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
  5. อ่อนโยนกับตัวเอง: ในช่วงที่เราพยายามลดพฤติกรรมการดึงผม อาจจะมีวันที่เราพลาดไปบ้าง ไม่เป็นไรนะคะ อย่าเพิ่งท้อแท้หรือตำหนิตัวเอง ให้มองว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และปรับปรุง ค่อย ๆ เริ่มใหม่ได้เสมอค่ะ
  6. หาใครสักคนที่ไว้ใจพูดคุย: การมีคนที่เราสามารถระบายความรู้สึกและขอความช่วยเหลือได้เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ อาจจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนสนิท หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
  7. อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ: การบำบัดทางจิตวิทยา เช่น Habit Reversal Training (HRT) หรือ CBT มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคนี้มากนะคะ การไปพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นการแสดงว่าเราใส่ใจและอยากที่จะดูแลสุขภาพจิตใจของเราอย่างจริงจังค่ะ
  8. เชื่อมั่นในตัวเอง: ขอให้เชื่อมั่นในตัวเองว่าคุณสามารถรักษาโรคนี้ให้หายได้และค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง

โรคดึงผมตัวเองสามารถหายขาดได้หรือไม่?

โรคดึงผมตัวเอง สามารถจัดการและควบคุมอาการได้จนผู้ป่วยจำนวนมากสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมาก แต่การหายขาดอย่างถาวรนั้นอาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

เหตุผลที่การหายขาดอย่างถาวรอาจซับซ้อน:

  • เป็นโรคทางจิตเวช: เช่นเดียวกับโรคทางจิตเวชอื่น ๆ สาเหตุที่แท้จริงอาจมาจากปัจจัยทางชีวภาพ จิตใจ และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน
  • ลักษณะเรื้อรัง: ในบางคน โรคดึงผมตัวเองอาจมีลักษณะเรื้อรัง มีช่วงที่อาการดีขึ้นและช่วงที่อาการกำเริบ
  • ความแตกต่างของแต่ละบุคคล: การตอบสนองต่อการรักษาและแนวโน้มของโรคจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน

สิ่งที่ควรทราบ:

  • การรักษาช่วยให้อาการดีขึ้นมาก: การบำบัดทางจิตวิทยา เช่น Habit Reversal Training (HRT) และ Cognitive Behavioral Therapy (CBT) รวมถึงการใช้ยาในบางกรณี สามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของการดึงผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การจัดการระยะยาว: แม้ว่าอาการจะดีขึ้นมากแล้ว การดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่องและการตระหนักรู้ถึงปัจจัยกระตุ้นยังคงมีความสำคัญในการป้องกันการกลับมาของอาการ
  • โอกาสในการกลับมาของอาการ: เช่นเดียวกับโรคทางจิตเวชอื่น ๆ มีโอกาสที่อาการของโรคดึงผมตัวเองจะกลับมาได้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีความเครียดหรือมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
  • เป้าหมายของการรักษา: เป้าหมายหลักของการรักษาคือการช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมพฤติกรรมการดึงผม ลดผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่การหายขาดอย่างเดียว

ถึงแม้ว่าการ “หายขาด” อย่างถาวรอาจเป็นคำที่ยังไม่สามารถรับประกันได้สำหรับทุกคนที่เป็นโรคดึงผมตัวเอง แต่ด้วยการรักษาที่เหมาะสม การดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง และการสนับสนุนจากคนรอบข้าง ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถจัดการกับอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีชีวิตที่มีความสุขได้ค่ะ 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคดึงผมตัวเอง

Q : ดึงผมตัวเอง ผมจะขึ้นไหม?

A : โดยทั่วไปแล้ว ผมที่ถูกดึงออกไปเองมีโอกาสที่จะขึ้นใหม่ได้ เพราะรากผมยังมีชีวิตอยู่ แต่สามารถปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่ The One Clinic ก่อนได้ค่ะ

Q : สามารถรักษาโรคดึงผมได้เองโดยไม่ต้องพบแพทย์หรือไม่?

A : การรักษาโรคดึงผมตัวเองด้วยตนเองโดยไม่พบแพทย์ อาจเป็นไปได้ในกรณีที่มีอาการไม่รุนแรงนัก และคุณมีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างมากค่ะ สามารถใช้เคล็ดลับที่แนะนำไปแล้วด้านบนได้ค่ะ ยังไงกำลังใจจากตัวเองก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

บทความที่คล้ายกัน

โรคดึงผมตัวเอง

โรคดึงผมตัวเอง ดึงซ้ำๆ หยุดไม่ได้ คืออะไร? สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

ดึงผมซ้ำๆ จนผมบาง หนังศีรษะแดงเป็นแผล? อาจเข้าข่ายโรค Trichotillomania ที่มีสาเหตุจากภาวะทางจิตใจ รู้สาเหตุ พร้อมแนวทางรักษาที่ได้ผลจริงกับ The One Clinic

สิวที่แขน

สิวที่แขน ขึ้นซ้ำๆ รู้สาเหตุ พร้อมวิธีรักษาและป้องกันอย่างตรงจุด

สิวที่แขนเกิดจากอะไร? รวมสาเหตุยอดฮิต วิธีรักษาสิวที่แขนแบบได้ผล พร้อมแนวทางป้องกันไม่ให้กลับมาอีก เหมาะกับทุกสภาพผิว

รากผมไม่แข็งแรง รากผมฝ่อ

รากผมไม่แข็งแรง รากผมฝ่อ รู้สาเหตุ อาการ และวิธีฟื้นฟูให้กลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง

ปัญหารากผมไม่แข็งแรง รากผมฝ่อเกิดจากอะไร? รวมสาเหตุ อาการที่ควรระวัง พร้อมวิธีฟื้นฟูรากผมให้แข็งแรง ให้เส้นผมกลับมาสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ