สิวหิน ตุ่มแข็งนูน หน้าไม่เรียบเนียน เกิดจากอะไร? ป้องกัน และรักษาอย่างไรให้ได้ผล

“สิวหิน” เป็นปัญหาผิวที่หลายคนพบเจอ โดยลักษณะของสิวหินคือ ตุ่มเล็ก ๆ แข็งนูนใต้ผิว ซึ่งอาจทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน และสร้างความกังวลใจในด้านความงาม ถึงแม้สิวหินจะไม่เป็นอันตรายหรือโรคติดต่อ แต่การจัดการที่ไม่ถูกวิธี เช่น การบีบหรือแกะ อาจทำให้เกิดการอักเสบหรือรอยแผลเป็นที่ยากจะรักษา The One Clinic จะพาไปดูสาเหตุของสิวหิน วิธีป้องกันและแนวทางรักษาที่ได้ผลในบทความนี้ค่ะ

สารบัญ

สิวหินคืออะไร?

สิวหิน หรือ Syringoma แม้จะเรียกว่า “สิว” แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่สิว แบบที่เราคุ้นเคยกันนะคะ มันคือ เนื้องอกชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของต่อมเหงื่อค่ะ

ลักษณะของสิวหิน

  • เป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1-3 มิลลิเมตร
  • มักมีสีเดียวกับผิวหนัง หรือมีสีออกเหลือง ๆ
  • ผิวเรียบ ไม่มีหัวสิว
  • ไม่เจ็บ ไม่คัน
  • มักขึ้นบริเวณที่มีความหนาแน่นของต่อมเหงื่อสูง เช่น รอบดวงตา แก้ม หน้าผาก คอ รักแร้ หน้าอก 

ความแตกต่างระหว่างสิวหินกับสิวทั่วไป

แม้จะชื่อคล้ายกัน แต่สิวหินกับสิวทั่วไปต่างกันมาก!

  • สิวหิน คือเนื้องอกของต่อมเหงื่อ ไม่ใช่สิว ไม่เจ็บ ไม่สามารถหายเองได้
  • สิวทั่วไป เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนและการอักเสบของผิว รู้สึกเจ็บ หายเองได้ (แต่ควรปรึกษาหมอ)

จำง่าย ๆ นะคะ: สิวหิน = น้องเนื้องอกใจดี แต่!! สิวทั่วไป = ตัวร้ายทำลายผิว

ไขข้อสงสัย! สิวหิน สิวข้าวสาร คือสิวชนิดเดียวกันหรือไม่?

สิวหิน หรือ สิวข้าวสาร

แม้ว่าสิวหินกับสิวข้าวสารจะดูคล้ายกันมาก เป็นตุ่มเล็ก ๆ สีขาวขุ่น แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่สิวชนิดเดียวกัน! โดยสิวทั้ง 2 ชนิดมีข้อแตกต่างที่สำคัญดังนี้ค่ะ

สิวไตรักษาอย่างไรให้หาย?

คุณสมบัติ

สิวหิน

สิวข้าวสาร

สาเหตุ

ต่อมเหงื่อ

เคราติน

สี

ผิวหนัง / เหลือง

ขาว

ตำแหน่ง

รอบดวงตา แก้ม หน้าผาก คอ รักแร้ หน้าอก

ใบหน้า

การรักษา

ไม่จำเป็น / เลเซอร์

หายเอง / กดสิว / เลเซอร์

สาเหตุที่ทำให้เกิด “สิวหิน”

แม้สิวหินจะพบได้บ่อย แต่สาเหตุที่แท้จริงยังไม่แน่ชัดว่าเกิดขึ้นจากอะไร? แต่สำหรับแพทย์ผิวหนังก็เห็นว่ามีปัจจัยบางอย่างที่อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดสิวหินได้ ดังนี้:

  1. พันธุกรรม
    • พบว่าสิวหินมักเกิดขึ้นในคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นสิวหิน 
    • ยีนที่ควบคุมการเจริญเติบโตของต่อมเหงื่อก็อาจจะมีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดสิวหิน
  2. ความผิดปกติของต่อมเหงื่อ
    • เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์ต่อมเหงื่อ
    • ต่อมเหงื่อชนิด Eccrine ทำงานมากเกินไป หรือแบ่งตัวผิดปกติจนกลายเป็นสิวหิน
  3. ฮอร์โมน
    • ฮอร์โมนเพศ โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น มีประจำเดือน หรือการตั้งครรภ์ อาจกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อ
  4. ปัจจัยอื่น ๆ
    • การระคายเคืองจากการเสียดสี
    • การสัมผัสแสงแดด มลภาวะ ทำให้ผิวอ่อนแอและอักเสบได้ง่าย

ข้อสำคัญ: สิวหินไม่เป็นอันตรายและไม่ใช่โรคติดต่อ หากไม่ต้องการรักษา ก็สามารถปล่อยไว้ได้ แต่หากต้องการแก้ไขเพื่อความสวยงาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อรับการดูแลที่เหมาะสมค่ะ

วิธีป้องกันสิวหิน

แม้ว่าในปัจจุบันยังไม่มีการระบุ สาเหตุที่แน่ชัดของสิวหิน แต่เราสามารถลดโอกาสการเกิดสิวหินได้ด้วยการหลีกเลี่ยง ปัจจัยกระตุ้น เช่น

  • แสงแดดจัด: ใช้ครีมกันแดดและสวมหมวกป้องกันผิวหน้าเมื่ออยู่กลางแจ้ง
  • ความร้อน: หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผิวสัมผัสกับความร้อนสูงเป็นเวลานาน
  • การเสียดสีของผิว: งดการขัดผิวแรง ๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง

หากพบว่ามีสิวหินเกิดขึ้น ไม่ควรแกะ เกา หรือบีบ เพราะสิวหินเป็นเนื้องอกของต่อมเหงื่อ ซึ่งไม่สามารถบีบหรือกดออกได้ การพยายามบีบอาจทำให้ผิวอักเสบและเกิดรอยแผลเป็น

การดูแลผิวอย่างอ่อนโยนและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น จะช่วยให้คุณดูแลผิวได้อย่างถูกวิธี!

แนะนำวิธีรักษาสิวหิน

สิวหิน (Syringoma) เป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ สีขาวหรือเหลือง มักขึ้นบริเวณรอบดวงตา เกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ท่อเหงื่อจนเกิดเนื้องอกขึ้นมา การรักษาด้วยตัวเองด้วยการใช้สารจำพวก AHA หรือ BHA หรือกรดอื่น ๆ เพื่อผลัดเซลล์ผิวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะมีโอกาสทำให้เกิดแผลเป็นนูนหรือส่งผลให้สิวหินลุกลามมากขึ้นค่ะ 

วิธีรักษาสิวหิน ต้องอาศัยหัตถการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งก็มีหลายวิธีที่นิยมใช้ในการรักษาสิวหิน อาทิ: 

  • เลเซอร์: เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมที่สุด เลเซอร์จะเข้าไปทำลายเซลล์สิวหิน ซึ่งมีเลเซอร์หลายชนิดที่แพทย์เลือกใช้ เช่น คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์, Erbium:YAG laser โดยแพทย์จะเลือกชนิดที่เหมาะสมกับสภาพผิว
    • ข้อดี: แม่นยำ โอกาสเกิดรอยแผลเป็นต่ำมาก
    • ข้อเสีย: อาจต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อให้สิวหายดี และมีราคาค่อนข้างสูง
  • การจี้ไฟฟ้า: ใช้เข็มจี้ไฟฟ้าไปยังบริเวณสิวหิน เพื่อยับยั้งการเติบโต ทำให้สิวค่อย ๆ ยุบ และหายได้ แต่อาจจะทิ้งรอยแผลเป็นจากสิวและการจี้ไฟฟ้า
    • ข้อดี: สะดวก รวดเร็ว ราคาไม่สูง

ข้อควรระวัง! หากคุณกำลังเป็นสิวหิน

ถ้าคุณกำลังเป็นสิวหินอยู่ มีข้อควรระวังหลายอย่างที่ควรใส่ใจ เพื่อป้องกันไม่ให้สิวลุกลาม หรือเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา หมอหนึ่งรวบรวมมาให้ดังนี้ค่ะ

  • ห้ามบีบ แกะ เกา: การสัมผัส หรือพยายามบีบสิวหิน อาจทำให้เกิดการอักเสบ ลุกลามจนติดเชื้อ และเป็นแผลเป็นได้
  • ดูแลความสะอาดผิวหน้า: ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ห้ามขัดถูหน้าแรง ๆ เด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้ผิวระคายเคืองง่าย
  • ทาครีมกันแดด: ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดด เพื่อป้องกันรังสี UV ซึ่งอาจทำให้สิวหินมีสีเข้มขึ้น
  • ระวังการใช้เครื่องสำอาง: หากเป็นสิวหินบริเวณรอบดวงตา ควรงดแต่งหน้าบริเวณนั้น และเลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน สังเกตคำว่า “Non-comedogenic” บนฉลากผลิตภัณฑ์ก่อนเลือกใช้
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น: เช่น แสงแดด ความร้อน ความชื้น เหงื่อ ฝุ่นละออง มลภาวะ
  • ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง: หากสิวหินมีจำนวนมาก ลุกลาม หรือมีอาการผิดปกติ เช่น อักเสบ หรือคัน ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธีต่อไปค่ะ

โปรแกรมรักษาสิวหิน ที่ The One Clinic

TheOne CO2 laser

The One Clinic หมอหนึ่งเลือกใช้ เทคโนโลยีเลเซอร์ CO2 หรือคาร์บอนไดออกไซด์ ในการรักษาสิวหิน เพราะเป็นวิธีที่ปลอดภัย ผลข้างเคียงน้อย ทำให้คนไข้มีผิวกลับมาเรียบเนียนหลังการรักษา ที่ The One Clinic จะมีการใช้ยา และทำซ้ำให้เพิ่มเติมอีกหนึ่งครั้ง หากต่อมไขมันถูกกำจัดไม่หมด โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่ะ ทั้งนี้แพทย์ของเราจะจัดยาที่เหมาะสมกับคนไข้ในการรักษาแผลให้กลับมาเรียบเนียน และลดการเกิดสิวหินซ้ำในอนาคต 

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวหิน

Q : สิวหินหายเองได้ไหม?

A : ไม่สามารถหายเองได้ค่ะ จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง

Q : สิวหินกดออกได้ไหม ?

A : สิวหินเป็นเนื้องอกที่ต่อมเหงื่อ เราถึงไม่สามารถ กด หรือ บีบออกได้ค่ะ 

Q : สิวหินใต้ตารักษายังไง

A : หากมีสิวหินที่บริเวณใต้ตา สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ CO2 Laser กำจัดออกค่ะ

Q : หลังจากใช้ CO2 Laser กำจัดสิวหินออก แผลใช้เวลากี่วันถึงจะหาย?

A : หลังจากรักษาแล้ว ประมาณ 10-14 วัน ผิวบริเวณดังกล่าวจะกลับมาเป็นปกติ แต่ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของสิวหินด้วยค่ะ

Q : หลังจากรักษาจนหายดีแล้ว สิวหินสามารถกลับมาเกิดใหม่ได้อีกไหม?

A : แม้ว่าจะรักษาสิวหินหายแล้ว แต่ก็มีโอกาสที่สิวหินจะกลับมาเป็นซ้ำได้อีก แพทย์ของ The One Clinic จะแนะนำวิธีป้องกันการกลับมาของสิวหิน และ แนะนำเวชสำอางที่ช่วยลดการเกิดสิวหินให้กับคนไข้ด้วยค่ะ

The One Clinic รักษาสิว ฟื้นฟูผิวแข็งแรง

สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวหิน สิวไต สิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือปัญหาผิวอื่น ๆ ที่ต้องการการดูแลโดยแพทย์เฉพาะทาง The One Clinic พร้อมเป็นที่ปรึกษาให้คุณ เรามีโปรแกรมการรักษาด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ยาสูตรเฉพาะของ The One Clinic และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล แก้ปัญหาที่ต้นตอ ไม่ให้สิวกลับมาเป็นซ้ำ นอกจากนี้ เรายังมีคอร์สฟื้นฟูผิวแข็งแรงสำหรับผู้ที่อยากมีผิวสุขภาพดีอีกด้วย

ติดต่อนัดหมายเพื่อปรึกษาแพทย์ของเราได้ที่ Add Line: @theoneclinic (มี@) หรือ โทร. 093-5830921

บทความที่คล้ายกัน

รังแค

รังแคเยอะคันหัว ทำยังไงดี? รู้สาเหตุ การป้องกันและวิธีรักษาที่เห็นผล

คันหัวมาก รังแคทำลายความมั่นใจ รู้สาเหตุ การป้องกัน และวิธีการรักษารังแคตรงสาเหตุ เพื่อคืนความมั่นใจ และหนังศีรษะกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง

ผมบางกลางหัว

ผมบางกลางหัว เกิดจากอะไร? ฟื้นฟูให้กลับมาหนาดกสุขภาพดีอีกครั้ง

รู้สาเหตุผมบางกลางหัว ทั้งกรรมพันธุ์ ฮอร์โมน และพฤติกรรม พร้อมวิธีฟื้นฟูให้ผมกลับมาหนานุ่ม สุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ