วิธีทาครีมที่ถูกต้อง ลำดับสกินแคร์เช้า–เย็นให้ผิวใสและแข็งแรง

คยไหม? ลงสกินแคร์หลายตัวแต่ผิวไม่ดีขึ้นสักที — ทั้งที่ลงทุนซื้อครีมดี ๆ มาครบทุกแบรนด์ แต่กลับรู้สึกว่า “ผิวไม่เปลี่ยน” หรือบางทีก็สิวเห่อ ผื่นขึ้น หน้ามันกว่าเดิม ทั้งหมดนี้ไม่ได้แปลว่าสกินแคร์ไม่ดี แต่เกิดจาก “วิธีทาครีมไม่ถูกลำดับ”

หลายคนมองข้ามจุดนี้ไป ทั้งที่ลำดับการทาครีมเป็นหัวใจสำคัญของการบำรุงผิว เพราะถ้าเรียงผิดแค่ขั้นเดียว สารสำคัญในครีมอาจซึมไม่เข้า หรือไปทำปฏิกิริยากันจนหมดประสิทธิภาพ

บทความนี้จะพาคุณเข้าใจ วิธีทาครีมที่ถูกต้องที่สุดตามหลักผิวหนัง, เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ทั้งผิวมัน ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย รวมถึงคนที่เริ่มใช้ Active อย่างเรตินอลหรือวิตามินซี เพื่อให้ทุกหยดของครีมที่คุณลงทุนซึมได้เต็มที่และเห็นผลชัดเจนที่สุด

สารบัญ

หลักการทาครีมที่ถูกต้อง

วิธีทาครีมที่เห็นผล

ก่อนจะไปถึงลำดับจริง เรามาทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานก่อน เพราะนี่คือสิ่งที่แพทย์ผิวหนังทุกคนย้ำเสมอว่า “เข้าใจตรงนี้แล้ว ผิวจะเปลี่ยน”

1. ทาจาก “เนื้อบางไปเนื้อหนัก”

เนื้อบางอย่างโทนเนอร์หรือเซรั่มจะซึมได้ดีที่สุดเมื่ออยู่ใกล้ผิวที่สุด ส่วนเนื้อหนักอย่างครีมหรือออยล์ควรอยู่ลำดับสุดท้ายเพื่อเคลือบและกักความชุ่มชื้นไว้ในผิว

หากทำสลับกัน เช่น ลงครีมก่อนเซรั่ม เซรั่มจะซึมไม่ได้ ทำให้ผลลัพธ์หายไปกว่า 60%

2. ทาจาก “บำรุงเฉพาะ → เคลือบป้องกัน”

ถ้ามีผลิตภัณฑ์ที่รักษาจุดเฉพาะ เช่น ครีมแต้มสิว ครีมลดฝ้า หรือเซรั่มเรตินอล ให้ทาก่อนมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อให้สารออกฤทธิ์เข้าถึงผิวโดยตรง ก่อนจะถูกเคลือบด้วยเนื้อครีม

3. ทาอย่างอ่อนโยน ไม่ถูแรง

การถูแรงเกินไปทำให้เกราะผิวอ่อนแอ ผิวระคายเคืองง่าย แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ “ลูบวนเบา ๆ” หรือใช้ “การกดฝ่ามือแนบผิว (pressing technique)” เพื่อให้ครีมซึมโดยไม่ทำร้ายชั้นผิว

4. ปริมาณต้องพอดี ไม่มากหรือน้อยเกิน

ผิวมีขีดจำกัดในการดูดซึม หากทามากไปจะไม่ซึมแต่กลายเป็นการอุดตัน โดยเฉพาะในคนผิวมันและผิวเป็นสิว

โดยทั่วไป:

  • เซรั่ม = 1–2 ปั๊ม
  • มอยส์เจอไรเซอร์ = ขนาดเท่าเหรียญบาท
  • กันแดด = 2 ข้อนิ้วมือสำหรับหน้าและลำคอ

ขั้นตอนทาครีมที่ถูกต้องตอนเช้า

ตอนเช้าผิวต้องเจอมลภาวะ แสงแดด ฝุ่น และเครื่องสำอาง การบำรุงจึงเน้น “ปกป้อง + เตรียมผิวให้พร้อมทั้งวัน”

ขั้นตอนที่ 1: ล้างหน้าให้สะอาด (Cleanser)

ล้างหน้าด้วยโฟมหรือเจลสูตรอ่อนโยน วันละ 2 ครั้งก็เพียงพอ
หลีกเลี่ยงสูตรที่มีฟองเยอะหรือ SLS เพราะจะทำให้ผิวแห้งตึงและกระตุ้นต่อมไขมัน

เคล็ดลับแพทย์:  คนผิวมันใช้โฟมเนื้อเจล คนผิวแห้งใช้เนื้อน้ำนมหรือครีมล้างหน้า จะช่วยรักษาสมดุลผิวได้ดีกว่า

ขั้นตอนที่ 2: โทนเนอร์ / เอสเซนส์ (Toner / Essence)

ช่วยคืนความชุ่มชื้นหลังล้างหน้า และปรับค่า pH ให้ผิวพร้อมรับสารบำรุงขั้นต่อไป
ทาด้วยสำลีเบา ๆ หรือตบด้วยมือเพื่อให้ซึมลึก

เหมาะสำหรับ: คนผิวแห้ง แพ้ง่าย หรือใช้เรตินอล/กรดผลไม้ เพราะช่วยลดอาการระคายเคืองได้ดี

ขั้นตอนที่ 3: เซรั่มบำรุง (Serum)

ขั้นตอนนี้คือ “หัวใจของการบำรุงผิว” เพราะเป็นช่วงที่ผิวดูดซึมสารออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด

เลือกสูตรให้ตรงปัญหา:

  • ผิวหมองคล้ำ → วิตามินซี, Tranexamic Acid
  • ผิวเป็นสิว → Niacinamide, BHA อ่อน
  • ผิวแห้ง → Hyaluronic Acid
  • ผิวแพ้ง่าย → Centella / Ceramide Serum

     

ทิป: ทาแล้วรอ 30–60 วินาทีก่อนลงครีมถัดไป เพื่อให้ซึมเต็มที่

ขั้นตอนที่ 4: มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer)

ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันผิว
ตอนเช้าเลือกเนื้อบางเบาแบบเจลหรือโลชั่น เพื่อไม่ให้หน้ามันระหว่างวัน

เหมาะสำหรับ:

  • ผิวมัน → Gel Cream
  • ผิวแห้ง → Cream Base ที่มี Ceramide + Glycerin
  • ผิวเป็นสิว → สูตร Oil-Free / Non-Comedogenic

     

ขั้นตอนที่ 5: กันแดด (Sunscreen)

ขั้นตอนสุดท้ายที่ “ห้ามข้าม” เพราะแสงแดดคือศัตรูตัวใหญ่ของผิวทุกประเภท ทั้งฝ้า กระ และริ้วรอย

ทากันแดด SPF 50+ PA++++ ปริมาณ “2 ข้อนิ้วมือ” สำหรับหน้าและลำคอ
และอย่าลืม “ทาซ้ำทุก 3–4 ชั่วโมง” โดยเฉพาะคนทำงานหน้าคอม หรือออกแดด

Tip จาก The One Clinic:
ถ้าทาซ้ำยาก ให้พกกันแดดแบบสเปรย์หรือแป้งกันแดดไว้เติมระหว่างวัน

ขั้นตอนทาครีมตอนกลางคืน

กลางคืนเป็นช่วง “Golden Time” ของผิว เพราะร่างกายจะซ่อมแซมตัวเองและผลิตคอลลาเจนได้ดีที่สุด การทาครีมช่วงนี้จึงเน้น “ฟื้นฟูและบำรุงลึก”

ขั้นตอนที่ 1: คลีนซิ่ง (Makeup Remover)

ถ้าแต่งหน้าหรือใช้กันแดด ควรเช็ดด้วยคลีนซิ่งก่อนล้างหน้าเสมอ เพื่อไม่ให้ซิลิโคนตกค้าง

เลือกให้เหมาะกับผิว:

  • ผิวมัน → Micellar Water
  • ผิวแห้ง → Cleansing Milk หรือ Cleansing Balm

ขั้นตอนที่ 2: ล้างหน้าอีกครั้งด้วยเจลล้างสูตรอ่อนโยน

ขั้นตอนนี้ช่วยล้างคราบคลีนซิ่งและสิ่งสกปรกที่เหลืออยู่ เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง

ขั้นตอนที่ 3: โทนเนอร์ / เอสเซนส์

ช่วยปลอบประโลมและเติมน้ำให้ผิวหลังการล้างสองรอบ ซึ่งมักทำให้ผิวแห้งตึงเล็กน้อย

ขั้นตอนที่ 4: เซรั่มบำรุง (Active Serum)

เป็นช่วงที่ควรใช้ สาร Active เข้มข้น เพราะกลางคืนผิวจะซึมซับได้ดีที่สุด

เลือกใช้ให้ตรงปัญหา เช่น

  • เรตินอล / เรตินัล → ลดริ้วรอยและกระตุ้นการผลัดเซลล์
  • AHA / PHA / LHA → ผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนโยน
  • Niacinamide / Tranexamic Acid → ลดรอยดำและปรับสีผิวสม่ำเสมอ

วิธีทา:

  • เริ่มจากปริมาณเท่า “เมล็ดถั่วเขียว” แล้วค่อยเพิ่ม
  • หากใช้เรตินอลให้ทา “มอยส์เจอไรเซอร์ก่อน – เรตินอล – มอยส์เจอไรเซอร์อีกชั้น” (เทคนิค Sandwich) เพื่อป้องกันผิวแห้งลอก

ขั้นตอนที่ 5: มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อเข้มข้น

ปิดท้ายด้วยครีมเนื้อเข้มข้นเพื่อเก็บความชุ่มชื้นไว้ทั้งคืน และช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำในตอนเช้า
สามารถเลือกสูตรที่มี Ceramide, Peptide, Squalane เพื่อฟื้นฟูเกราะผิวและลดการระคายเคืองจาก Active ได้ดี

เคล็ดลับการทาครีมให้เห็นผลเร็วขึ้น

  1. ล้างมือก่อนทุกครั้ง – เพื่อป้องกันแบคทีเรียจากมือสัมผัสใบหน้า

  2. ทาครีมตอนผิวยังหมาด ๆ – ช่วยให้ครีมซึมดีกว่าทาตอนผิวแห้งสนิท

  3. เว้นระยะ 30–60 วินาที ระหว่างแต่ละชั้น

  4. กดซับเบา ๆ ด้วยฝ่ามือ ไม่ถูแรง

  5. นวดกระตุ้นเบา ๆ บริเวณกรามและขมับ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด

  6. อย่าลืมลำคอและหลังหู จุดที่มักถูกละเลยแต่แก่ไวมาก

ข้อควรเลี่ยงเมื่อทาครีม

  • อย่าทาครีมสลับลำดับ เช่น ลงครีมก่อนเซรั่ม

  • หลีกเลี่ยงการใช้หลายสูตรที่มี Active ซ้ำ เช่น วิตามินซี + กรดแรง

  • ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่หลายตัวพร้อมกัน เพราะจะสับสนว่าแพ้จากอะไร

  • อย่าทาครีมหนาเกินไป เพราะผิวซึมได้จำกัดและเสี่ยงอุดตัน

คำถามที่พบบ่อย

Q: วิธีทาครีมหน้าที่ถูกต้อง?
A: ล้างหน้าให้สะอาด ซับหน้าให้แห้ง แล้วทาครีมโดยใช้ปลายนิ้วแตะเบา ๆ จาก บริเวณแก้ม หน้าผาก คาง แล้วเกลี่ยออกด้านข้าง อย่าถูแรงเพราะจะทำให้เกิดริ้วรอย

Q: วิธีทาครีมกันแดด?
A: บีบกันแดดประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ (สำหรับทั้งหน้าและคอ) แต้ม 5 จุดบนหน้า แล้วเกลี่ยให้ทั่ว ทาซ้ำทุก 2–3 ชั่วโมงถ้าออกแดด

Q: วิธีทาครีมรองพื้น?
A: ใช้ฟองน้ำหรือแปรงแตะเบา ๆ จากบริเวณกลางหน้าออกด้านนอก เพื่อให้เรียบเนียนและติดทน ไม่ควรใช้มือถูแรงเพราะจะเป็นคราบ

Q: วิธีทาเซรั่ม?
A: หลังล้างหน้าให้ผิวหมาด ๆ หยดเซรั่ม 2–3 หยด แล้วกดเบา ๆ ให้ซึมเข้าสู่ผิว ใช้ก่อนครีมบำรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม

Q: วิธีการทาอายครีม?
A: ใช้นิ้วนางแตะครีมเล็กน้อย แล้วแตะเบา ๆ บริเวณใต้ตาและหางตา ห้ามถูแรง เพราะผิวรอบดวงตาบางมาก

Q: วิธีทาครีมก่อนนอนที่ถูกต้อง?
A: เริ่มจากโทนเนอร์ → เซรั่ม → ครีมบำรุง → สลีปปิ้งมาส์ก (ถ้ามี)
ควรทาให้ครบทุกขั้นเพื่อให้ผิวฟื้นฟูเต็มที่ตอนกลางคืน 

Q: ทาครีมกี่ชั้นถึงจะพอดี?
A: โดยทั่วไปไม่เกิน 4–5 ขั้นตอน (รวมกันแดด) ก็เพียงพอ ถ้ามากเกินไปอาจทำให้ผิวอุดตัน

Q: ทาครีมตอนเช้า–เย็นเหมือนกันไหม?
A: ไม่จำเป็น ช่วงเช้าควรเน้นปกป้อง (วิตามินซี + กันแดด) ส่วนกลางคืนเน้นฟื้นฟู (เรตินอล, มอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น)

Q: ใช้เรตินอลกับวิตามินซีพร้อมกันได้ไหม?
A: ไม่แนะนำ เพราะมีค่า pH ต่างกัน ใช้คนละช่วงจะดีกว่า — วิตามินซีตอนเช้า, เรตินอลตอนกลางคืน

Q: ทาครีมเยอะช่วยให้ขาวเร็วขึ้นไหม?
A: ไม่ค่ะ ผิวดูดซึมได้จำกัด การทามากไปจะทำให้เหนียว อุดตัน และเปลืองโดยไม่จำเป็น

Q: ทาครีมก่อนหรือหลังแต่งหน้า?
A: ควรทาครีมบำรุงและกันแดดก่อนแต่งหน้าอย่างน้อย 10–15 นาที เพื่อให้ซึมและไม่ทำให้รองพื้นเป็นคราบ

สรุป

การทาครีมให้ถูกวิธีไม่ใช่แค่ “ทาให้ครบ” แต่คือการ “ทาให้ถูกลำดับ”
เพราะผิวจะรับสารบำรุงได้ดีเมื่อมีขั้นตอนที่เป็นระบบ — เริ่มจากการทำความสะอาด เติมน้ำ บำรุงลึก เคลือบป้องกัน และปิดท้ายด้วยกันแดด

ที่ The One Clinic แพทย์จะช่วยออกแบบ “Skincare Routine เฉพาะบุคคล” ให้เหมาะกับสภาพผิวจริง ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวแพ้ง่าย หรือผิวที่เคยใช้ Active แล้วระคายเคือง โดยใช้หลักการเวชสำอางทางการแพทย์ที่ปรับลำดับและความเข้มข้นอย่างแม่นยำ เพื่อให้ทุกผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้ “ซึมได้จริง เห็นผลจริง และปลอดภัยระยะยาว”

บทความที่คล้ายกัน

หน้าใส

หน้าใสทำยังไงดี? เคล็ดลับผิวโกลว์จากภายใน พร้อมเทคนิคหน้าใสที่ The One Clinic

รวมเคล็ดลับดูแลหน้าใสจากภายในสู่ภายนอก พร้อมทรีตเมนต์หน้าใสยอดนิยมจาก The One Clinic ที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้เปล่งประกายสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

หน้าไม่เรียบเนียน

หน้าไม่เรียบเนียน สาเหตุ วิธีฟื้นฟู และรูทีนดูแลให้ผิวกลับมาเนียนใส

เจาะลึกสาเหตุ “หน้าไม่เรียบเนียน” ตั้งแต่ผิวขรุขระ สิวอุดตัน รูขุมขนเด่น รอย/หลุมสิว พร้อมแผนฟื้นผิวเป็นขั้นตอน สกินแคร์ที่ควรใช้ ทรีตเมนต์คลินิก และ FAQ ครบถ้วน