“เครียด ผมร่วง” คุณเคยไหม — อยู่ดี ๆ ผมเริ่มร่วงมากกว่าปกติ? หวีทีติดเต็มมือ สระผมแล้วท่ออุด หรือผมบางลงจนเห็นหนังศีรษะ ทั้งที่ไม่ได้เปลี่ยนแชมพูหรืออาหารการกินอะไรเลย
หนึ่งในสาเหตุที่คนมักมองข้ามคือ “ความเครียด” ซึ่งมีผลโดยตรงต่อ วงจรเส้นผมและรากผม มากกว่าที่คิด
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจว่า “เครียดทำไมผมถึงร่วง”, ผมจะกลับมาขึ้นไหม, ต้องดูแลอย่างไรให้หายเร็ว และเมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
สารบัญ
ความเครียดเกี่ยวข้องกับผมร่วงอย่างไร?

ความเครียด (Stress) เป็นปฏิกิริยาทางร่างกายและจิตใจที่เกิดจากภาวะกดดัน เมื่อเกิดขึ้น ร่างกายจะหลั่ง ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) จากต่อมหมวกไต ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อเส้นผมในหลายทาง เช่น
- กระตุ้นให้ผมเข้าสู่ระยะพัก (Telogen Phase) เร็วกว่าปกติ
ปกติผมคนเราจะอยู่ในระยะงอก (Anagen) ราว 80–90% แต่เมื่อเครียดมาก ๆ คอร์ติซอลจะทำให้รากผมจำนวนมาก “หยุดงอก” และเข้าสู่ระยะพักพร้อมกัน จึงเกิดผมร่วงกระจายทั่วศีรษะ เรียกว่า Telogen Effluvium - ลดการไหลเวียนเลือดสู่หนังศีรษะ
เวลาร่างกายเครียด หลอดเลือดจะหดตัว ทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมลดลง ผมที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจะร่วงง่ายและเส้นเล็กลง - กระตุ้นการอักเสบระดับจุลภาค (Inflammation)
ความเครียดเรื้อรังทำให้เกิดอนุมูลอิสระและการอักเสบในเซลล์ ส่งผลให้รากผมอ่อนแอ และในบางคนอาจกระตุ้นโรคผมร่วงจากภูมิคุ้มกันตนเอง (Alopecia Areata)
อาการของ “ผมร่วงจากความเครียด”

หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองกำลัง “ผมร่วงเพราะเครียด” เพราะอาการมักไม่เกิดขึ้นทันทีหลังจากผ่านเหตุการณ์กดดันหรืออารมณ์เครียด
โดยทั่วไปจะเริ่ม เกิดหลังเหตุการณ์นั้นประมาณ 2–3 เดือน เมื่อวงจรผมที่เคยอยู่ในระยะงอก (Anagen) ถูกเร่งเข้าสู่ระยะหลุดร่วง (Telogen) พร้อม ๆ กัน
ดังนั้น ถ้าคุณเพิ่งผ่านช่วงทำงานหนัก สอบ เครียดเรื่องครอบครัว หรือพักผ่อนน้อย แล้วพบว่าผมร่วงมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนถัดมา — นั่นอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็น “ผลสะสมของความเครียด” ที่กระทบลึกถึงรากผม
อาการที่สังเกตผมร่วงจากความเครียดได้มีดังนี้
1. ร่วงมากกว่าปกติ (มากกว่า 100–150 เส้นต่อวัน)
โดยปกติคนเราจะมีผมร่วงเฉลี่ยวันละประมาณ 50–100 เส้น ซึ่งถือว่าอยู่ในภาวะปกติของวงจรผม แต่หากคุณสังเกตว่า
- ผมหลุดติดมือทุกครั้งที่หวีหรือสระ
- เส้นผมติดหมอนหลังตื่นนอนเยอะขึ้น
- หรือท่อระบายน้ำเริ่มตันบ่อย
นั่นคือสัญญาณว่าเส้นผมกำลัง “ร่วงเกินอัตราปกติ” แล้วค่ะ โดยเฉพาะหากผมร่วงต่อเนื่องนานเกิน 4–6 สัปดาห์ ควรเข้ารับการประเมินจากแพทย์
2. ผมร่วงทั่วศีรษะ ไม่ได้ร่วงเฉพาะจุด
ลักษณะเฉพาะของ “ผมร่วงจากความเครียด” คือ ร่วงกระจายทั่วศีรษะ
ไม่ใช่ผมบางเฉพาะกลางกระหม่อม หรือร่วงเป็นหย่อม ๆ เหมือนโรคผมร่วงจากภูมิคุ้มกัน
ผมที่ร่วงจะหลุดออกจากรูขุมขนพร้อม ๆ กันในหลายบริเวณ เพราะฮอร์โมนความเครียดไปกระตุ้นให้รากผมเข้าสู่ระยะพักพร้อมกันจำนวนมาก
3. เวลาสระหรือหวี ผมหลุดติดมือเยอะผิดปกติ
หลายคนมักเริ่มสังเกตตอนสระผม ว่ามีเส้นผมหลุดออกมาเต็มมือ หรือเห็นเส้นผมติดอยู่ตามพื้นห้องน้ำ
โดยเฉพาะช่วงเช้า–เย็นที่สระผม เป็นช่วงที่รากผมที่เข้าสู่ระยะพักจะหลุดออกง่ายกว่าปกติ
สิ่งที่ควรสังเกตคือ ถ้า “ทุกครั้งที่สระหรือหวีมีผมหลุดมากกว่าเดิมเรื่อย ๆ” แปลว่ากำลังอยู่ในระยะร่วงของ Telogen Effluvium แล้วค่ะ
4. หนังศีรษะไม่แดง ไม่คัน ไม่มีสะเก็ด (แปลว่าไม่ได้ติดเชื้อ)
ผมร่วงจากความเครียดต่างจากรังแค หรือการติดเชื้อราบนหนังศรีษะ เพราะ หนังศีรษะจะดูปกติ — ไม่มีรอยแดง ไม่มีสะเก็ดขาวหนา หรืออาการคันรุนแรง
สาเหตุไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากความเครียดที่ส่งผลต่อระบบฮอร์โมนและการไหลเวียนเลือดของรากผม
ดังนั้น หากหนังศีรษะดูเรียบเนียนแต่ผมร่วงมากผิดปกติ มักเป็น “ผมร่วงจากสภาวะในร่างกาย” ไม่ใช่จากภายนอกค่ะ
5. ผมใหม่เริ่มงอกขึ้นแต่เส้นเล็กและอ่อนแรง
เมื่อความเครียดเริ่มลดลง ร่างกายจะค่อย ๆ กลับเข้าสู่ภาวะสมดุล และเส้นผมใหม่จะเริ่มงอกขึ้น
แต่เส้นผมที่งอกใหม่ช่วงแรกมัก มีขนาดเล็ก บาง และอ่อนแรง เพราะรากผมยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
หากดูใกล้ ๆ จะเห็นเป็น “ไรผมสั้น ๆ” บริเวณขมับหรือแนวแสก ซึ่งเป็นสัญญาณดีว่าร่างกายกำลังเริ่มฟื้น แต่ต้องใช้เวลาอีก 3–6 เดือนกว่าผมจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
6. บางคนอาจพบร่วมกับ “ผมมัน หนังศีรษะคัน หรือรังแคมัน”
เพราะเมื่อเครียด ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะส่งผลต่อ ต่อมไขมัน (Sebaceous Gland) ให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น
ทำให้หนังศีรษะมันง่าย เหนียวเร็ว มีกลิ่นอับ หรือเป็นรังแคมัน ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า Seborrheic Dermatitis
หากปล่อยไว้โดยไม่คุมความมันและทำความสะอาดให้เหมาะสม อาจทำให้รูขุมขนอุดตัน และผมร่วงหนักขึ้นได้อีก
ความแตกต่างระหว่าง “ผมร่วงจากความเครียด” กับผมร่วงจากสาเหตุอื่น
ลักษณะ | ผมร่วงจากเครียด | ผมร่วงจากฮอร์โมน/พันธุกรรม | ผมร่วงจากโรค/ขาดสารอาหาร |
รูปแบบการร่วง | ร่วงทั่วศีรษะ | ผมบางกลางกระหม่อม แสกกว้าง | ร่วงเป็นหย่อม/มีอาการร่วมอื่น |
หนังศีรษะ | ปกติ ไม่อักเสบ | มัน/รูขุมขนเล็กลง | ซีด/แห้ง/มีสะเก็ด |
ระยะเวลา | 3–6 เดือน มักดีขึ้นเอง | เรื้อรัง ต้องรักษาต่อเนื่อง | ต้องแก้ที่ต้นเหตุ |
ผมขึ้นใหม่ | ขึ้นได้เองเมื่อเครียดลดลง | ผมขึ้นยาก ต้องใช้ยา | ขึ้นหลังปรับโภชนาการ/โรคดีขึ้น |
วิธีดูแลและฟื้นฟูผมร่วงจากความเครียด
แม้ผมร่วงจากความเครียดจะ “หายได้เอง” เมื่อสภาพจิตใจดีขึ้น แต่การดูแลอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผมกลับมางอกไวและแข็งแรงกว่าเดิม
1. จัดการความเครียดให้เป็นระบบ
- พักผ่อนให้พอ (7–8 ชม./วัน)
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อปรับสมดุลฮอร์โมน
- ฝึกหายใจลึก ๆ หรือทำสมาธิ 10–15 นาทีต่อวัน
- พูดคุยหรือระบายความเครียดกับคนที่ไว้ใจ
2. ปรับอาหารให้ครบและเน้นสารอาหารบำรุงผม
สารอาหารหลายอย่างจำเป็นต่อการสร้างเส้นผม เช่น
- โปรตีนคุณภาพดี: ไข่ เนื้อปลา ถั่ว เต้าหู้
- ธาตุเหล็ก: ตับ ไข่แดง ผักใบเขียว
- สังกะสี: ถั่ว อาหารทะเล
- ไบโอตินและวิตามินบีรวม: ช่วยเสริมการงอกของเส้นผม
หากรับประทานไม่ครบควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสริมวิตามิน
3. ใช้แชมพูและเซรั่มที่อ่อนโยน
หลีกเลี่ยงแชมพูที่มีซัลเฟต แอลกอฮอล์ หรือกลิ่นน้ำหอมแรง ๆ เพราะจะทำให้หนังศีรษะระคายเคืองและผมร่วงมากขึ้น
เลือกใช้แชมพูสูตรลดผมร่วง หรือที่มีสารกระตุ้นรากผม เช่น Caffeine, Niacinamide, Peptide, Rosemary Extract
4. นวดศีรษะกระตุ้นเลือด
การนวดเบา ๆ วันละ 5–10 นาที ช่วยให้เลือดไหลเวียนสู่รากผมดีขึ้น
ใช้ปลายนิ้วนวดเป็นวงกลม ไม่ใช่เล็บข่วน เพราะจะทำให้เกิดแผลและติดเชื้อ
5. รักษาเฉพาะทางเมื่อผมร่วงมากผิดปกติ
หากผมร่วงมากกว่า 150 เส้น/วัน ต่อเนื่องเกิน 2 เดือน ควรเข้ารับการตรวจโดยแพทย์
แพทย์อาจแนะนำ
- ยา Minoxidil ทา: ช่วยกระตุ้นรากผมให้กลับเข้าสู่ระยะงอก
- LLLT (Low Level Laser Therapy): เลเซอร์พลังงานต่ำช่วยกระตุ้นรากผม
- PRP (Platelet-Rich Plasma): ฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นจากเลือดตัวเองเพื่อฟื้นฟูรากผม
ที่ The One Clinic มีโปรแกรม ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับผู้ที่ผมร่วงจากความเครียด โดยเน้นการรักษาแบบไม่ใช้ยาและฟื้นฟูสมดุลหนังศีรษะควบคู่
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ผมร่วงเกิดจากอะไรในผู้หญิง?
A: เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ฮอร์โมนไม่สมดุล, ภาวะเครียด, พักผ่อนไม่เพียงพอ, หรือขาดสารอาหารจำพวกโปรตีนและไบโอติน
Q: เครียดทำให้ผมร่วงไหม?
A: ใช่! ความเครียดกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งไปยับยั้งการเจริญของเส้นผม ทำให้ผมหลุดร่วงง่ายขึ้น
Q: ลดน้ำหนักทำให้ผมร่วงจริงไหม?
A: จริงค่ะ เพราะร่างกายขาดสารอาหารจำเป็น โดยเฉพาะโปรตีน ธาตุเหล็ก และสังกะสี ที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างเส้นผม
Q: วิธีแก้ผมร่วงผมบาง?
A:
- รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ นม ปลา ถั่ว
- นวดหนังศีรษะทุกวันเพื่อกระตุ้นเลือดไหลเวียน
- ใช้แชมพูสูตรลดผมร่วง เช่นมี ไบโอติน, คาเฟอีน, หรือเซราไมด์
- ถ้าผมร่วงมากผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุทางฮอร์โมน
Q: ผมร่วงจากเครียดจะหยุดเองไหม?
A: โดยทั่วไปผมจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 3–6 เดือน หลังจากความเครียดลดลง แต่ถ้าไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่นร่วมด้วย
Q: ผมร่วงจากเครียดมีโอกาสหัวล้านไหม?
A: ส่วนใหญ่ไม่ถึงขั้นหัวล้านถาวร เพราะเป็นแค่ภาวะชั่วคราว แต่ถ้ามีพันธุกรรมหัวล้านร่วมด้วยอาจทำให้ผมบางเร็วขึ้น
Q: ควรตัดผมหรือโกนไหมช่วงผมร่วงเยอะ ๆ?
A: ไม่จำเป็น ผมร่วงเกิดจากรากผม ไม่ได้เกี่ยวกับความยาวผม การโกนไม่ได้ช่วยให้ขึ้นไวกว่าเดิม
Q: การนอนดึกทำให้ผมร่วงไหม?
A: ใช่ค่ะ เพราะนอนน้อยร่างกายจะหลั่งคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ส่งผลเหมือนความเครียดสะสม
Q: ผมร่วงจากความเครียดใช้แชมพูยี่ห้อไหนดี?
A: ให้เลือกสูตรอ่อนโยน ปราศจาก SLS/SLES และมีสารช่วยกระตุ้นรากผม เช่น Caffeine, Peptide, Niacinamide และควรหมุนเวียนใช้แชมพู 2–3 สูตรสลับกันเพื่อลดการตกค้าง
สรุป
“ผมร่วงจากความเครียด” เป็นภาวะชั่วคราวที่มักดีขึ้นเมื่อร่างกายและจิตใจกลับมาสมดุล
สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่หายาใช้ แต่คือ การฟื้นฟูสุขภาพจิต–ร่างกายควบคู่กัน เพราะสุขภาพเส้นผมสะท้อนสภาพภายในโดยตรง
ที่ The One Clinic เราเชื่อว่าการดูแลผมต้องเริ่มจาก “ราก” จริง ๆ ทั้งรากผมและรากเหตุของปัญหา ทีมแพทย์ของเราจึงเน้นการรักษาแบบองค์รวม (Holistic Hair Therapy)
รวมเทคโนโลยีกระตุ้นรากผม การปรับสมดุลหนังศีรษะ และโปรแกรมผ่อนคลายเพื่อลดคอร์ติซอล ทำให้ผมงอกกลับมาอย่างแข็งแรงและยั่งยืน





