สิวยีสต์ สิวเชื้อรา ไม่หายสักที! รู้สาเหตุ วิธีป้องกัน หมดปัญหาสิวกวนใจ

สิวยีสต์ หรือสิวเชื้อรา เป็นภาวะทางผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Malassezia ซึ่งแตกต่างจากสิวทั่วไปที่เกิดจากแบคทีเรีย อาการของสิวยีสต์มักปรากฏเป็นตุ่มเล็ก ๆ กระจายตัวทั่วบริเวณผิวหนัง และอาจมีอาการคันร่วมด้วย สิวประเภทนี้มักเกี่ยวข้องกับความมันส่วนเกินและความชื้นสูง การรักษาและป้องกันสิวยีสต์จึงจำเป็นต้องใช้แนวทางที่แตกต่างจากสิวทั่วไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

สารบัญ

สิวยีสต์ สิวเชื้อรา คืออะไร?

สิวยีสต์ หรือ สิวเชื้อรา เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Malassezia ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่บนผิวหนังตามธรรมชาติ เปรียบเสมือน “ผู้อาศัย” ที่ปกติไม่ก่อให้เกิดปัญหา แต่เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป เช่น มีความมันสะสมมากขึ้น ความชื้นสูง หรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เชื้อราชนิดนี้อาจเพิ่มจำนวนมากเกินไป ส่งผลให้สมดุลของผิวถูกรบกวนและเกิดการอักเสบของรูขุมขน จนทำให้เกิดตุ่มสิวเล็ก ๆ คล้ายผื่นแดง และอาจมีอาการคันร่วมด้วย

แม้ว่าคำว่า “สิวยีสต์” และ “สิวเชื้อรา” จะถูกใช้แทนกันบ่อยครั้ง แต่ในความเป็นจริง สิวยีสต์ (Malassezia folliculitis) เป็นเพียงหนึ่งในรูปแบบของสิวเชื้อรา เมื่อเปรียบเทียบกับสิวทั่วไปที่เกิดจากแบคทีเรีย สิวที่เกิดจากเชื้อราจะต้องใช้วิธีรักษาที่แตกต่างกัน เนื่องจากต้นตอของปัญหาไม่เหมือนกัน

สิวยีสต์ สิวเชื้อรา เกิดจากอะไร?

สิวยีสต์ เกิดจากอะไร

สิวยีสต์ หรือสิวเชื้อรา สามารถเกิดจากความไม่สมดุลของจุลินทรีย์บนผิว ซึ่งส่งผลให้เชื้อรา Malassezia เจริญเติบโตมากเกินไป ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดสิวยีสต์มีหลายประการ คล้าย ๆ กับการดูแลสวน หากสมดุลของดิน น้ำ และอากาศถูกรบกวน วัชพืชอาจจะเติบโตเร็วกว่าปกติ เช่นเดียวกับเชื้อราบนผิวหนังที่เพิ่มจำนวนขึ้นเมื่อมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโต

สาเหตุหลักของสิวยีสต์

1. การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน

ยาปฏิชีวนะ เช่น Doxycycline หรือ Amoxicillin ที่ใช้รักษาสิวทั่วไป อาจทำลายสมดุลของจุลินทรีย์บนผิวหนังและในร่างกาย ส่งผลให้เชื้อยีสต์ที่ปกติถูกควบคุมอยู่แล้วสามารถเติบโตได้มากขึ้น

2. การใช้ยาสเตียรอยด์

การใช้สเตียรอยด์ ทั้งแบบทาและแบบรับประทาน เช่น Prednisolone หรือ Hydrocortisone เป็นต้น จะช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง แต่ก็มีผลกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย หากใช้ต่อเนื่องหรือใช้โดยไม่มีการควบคุม อาจทำให้เชื้อยีสต์เติบโตมากขึ้น

3. ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอทำให้ร่างกายควบคุมเชื้อยีสต์ได้น้อยลง สาเหตุที่ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง ได้แก่:

  • โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน HIV มะเร็ง
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ขาดสารอาหาร เช่น วิตามินดี วิตามิซี และสังกะสี
  • ความเครียดเรื้อรัง ซึ่งอาจเพิ่มระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง

4. อาหารที่มีน้ำตาลหรือแป้งสูง

อาหารบางชนิดอาจช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อยีสต์ เช่น:

  • อาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ขนมปัง พาสต้า เค้ก ข้าวขัดสี รวมถึงเครื่องดื่มหวาน เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้เข้มข้น อาจกระตุ้นการเพิ่มขึ้นของเชื้อรา Malassezia เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นสามารถทำให้ร่างกายสร้างไขมันมากขึ้น ซึ่งเป็นอาหารของเชื้อรา
  • อาหารหมักดองและอาหารที่มีเชื้อราโดยธรรมชาติ เช่น เบียร์ ไวน์ ซีอิ๊ว แม้ว่าอาหารหมักจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพในบางด้านถ้าบรีโภคอย่างพอดี แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวหรือสิวยีสต์ อาจกระตุ้นการเติบโตของ Malassezia ได้ในบางกรณี

5. อากาศร้อนและชื้น

สภาพอากาศร้อนชื้นทำให้เหงื่อออกมากขึ้น และความชื้นสูงช่วยให้เชื้อราเติบโตได้ดี พบได้บ่อยใน:

  • ฤดูร้อน หรือ ประเทศที่มีอากาศร้อนชื้น เช่น ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น
  • การออกกำลังกายหนัก ในสภาพอากาศร้อน อุณหภูมิสูงเกินไป
  • อยู่ในพื้นที่อับชื้น เช่น ใส่เสื้อผ้าเปียกเหงื่อนาน ๆ หรือใช้หมวกกันน็อครัดแน่น

6. ผิวมันและเหงื่อออกมาก

น้ำมันและเหงื่อเป็นแหล่งอาหารของเชื้อยีสต์ ทำให้ผู้ที่มีผิวมันหรือเหงื่อออกง่ายมีแนวโน้มเกิดสิวยีสต์มากขึ้น ปัจจัยที่ทำให้ผิวมันเพิ่มขึ้น ได้แก่:

  • ฮอร์โมนแปรปรวน เช่น ในช่วงวัยรุ่น หรือช่วงก่อนมีประจำเดือน
  • การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีน้ำมันมากเกินไป
  • กิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น การเล่นกีฬาอย่างหนัก

7. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน (Comedogenic)

ผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจไปอุดตันรูขุมขนและทำให้เชื้อยีสต์เติบโต เช่น:

  • น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก (เป็นมอยส์เจอไรเซอร์แต่อาจจะมีมวลหนักเกินไปสำหรับบางสภาพผิว)
  • รองพื้นและแป้งผสมรองพื้นบางชนิด เช่น ที่มีส่วนผสมของ Isopropyl Myristate หรือ Coconut Oil
  • ครีมนวดผมหรือแชมพูบางชนิด ที่มีส่วนผสมของ Silicone หรือ Sulfates ซึ่งอาจตกค้างบนผิวและกระตุ้นการเกิดสิว

8. ความเครียด

ความเครียดสูงเป็นปัจจัยที่ทำให้สิวยีสต์แย่ลง เพราะไปกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน คอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และอาจเพิ่มการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง

9. การใส่เสื้อผ้าที่ไม่ระบายอากาศ

เสื้อผ้าที่อับชื้นอาจทำให้เกิดความร้อนสะสมและส่งเสริมการเติบโตของเชื้อยีสต์ ตัวอย่างเสื้อผ้าที่อาจทำให้เกิดปัญหานี้ ได้แก่:

  • เสื้อผ้าแนบเนื้อ เช่น ชุดออกกำลังกายรัดรูปที่ระบายอากาศไม่ดี
  • ชุดชั้นในที่ทำจากผ้าใยสังเคราะห์แทนที่จะเป็นผ้าฝ้าย
  • เสื้อกันหนาวหรือแจ็กเก็ตที่ทำให้เกิดการอับชื้นในช่วงอากาศร้อน

10. ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง

ช่วงเวลาที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอาจส่งผลให้ผิวมันขึ้นและกระตุ้นการเติบโตของเชื้อยีสต์ เช่น:

  • วัยรุ่น ช่วงที่ฮอร์โมนแปรปรวน ทำให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น
  • การตั้งครรภ์ ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงและส่งผลต่อผิว
  • ช่วงก่อนมีประจำเดือน ซึ่งอาจทำให้ผิวมันขึ้นและเกิดสิวยีสต์ได้ง่ายขึ้น

11. ความอ้วน

คนที่มีน้ำหนักเกินมักมีผิวมันและเหงื่อออกง่าย ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา

สิวยีสต์ สิวเชื้อรา อาการเป็นอย่างไร?

ลักษณะสิวยีสต์ สิวเชื้อรา

สิวยีสต์ หรือ สิวเชื้อรา (Pityrosporum folliculitis หรือ Malassezia folliculitis) มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากสิวอักเสบทั่วไป โดยเกิดจากเชื้อรา Malassezia ที่เจริญเติบโตมากเกินไปในรูขุมขน แทนที่จะเกิดจากแบคทีเรียหรือการอุดตันของไขมันเพียงอย่างเดียว

ลักษณะเฉพาะของสิวยีสต์

  • ตุ่มสิวขนาดเล็กและกระจายตัวเป็นกลุ่ม

      • สิวยีสต์มักเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีแดง หรืออาจเป็นตุ่มหนองเล็ก ๆ กระจายเป็นกลุ่ม ไม่ขึ้นเป็นเม็ดเดี่ยว ๆ เหมือนสิวอักเสบ
  • คันและระคายเคืองมากกว่าสิวทั่วไป

      • สิวยีสต์มักมีอาการคันร่วมด้วย เนื่องจากการติดเชื้อราทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ต่างจากสิวแบคทีเรียทั่วไปที่มักไม่คัน พบบ่อยบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น
      • มักเกิดที่หน้าอก หลัง ไหล่ คอ หรือหน้าผาก ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความมันสูง เชื้อรา Malassezia เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำมันมาก 
  • ไม่ตอบสนองต่อยารักษาสิวปกติ

      • การใช้ยารักษาสิวทั่วไป เช่น เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) หรือยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ มักไม่ได้ผลกับสิวยีสต์ และอาจทำให้อาการแย่ลงเนื่องจากทำลายสมดุลของแบคทีเรียดีบนผิว 
  • กระตุ้นโดยปัจจัยที่เพิ่มความชื้นและความมัน

    • เหงื่อออกมาก การใช้ผลิตภัณฑ์อุดตันรูขุมขน สภาพอากาศร้อนชื้น และการใช้ยากดภูมิคุ้มกันเป็นปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้สิวยีสต์แย่ลง 

คลายข้อสงสัย! สิวยีสต์ สิวเชื้อรา มักจะขึ้นบริเวณใด?

หากคุณมีตุ่มสิวเล็ก ๆ คล้ายผื่นแดง และมักมีอาการคันร่วมด้วย อาจเป็น สิวยีสต์ หรือสิวเชื้อรา ซึ่งมักเกิดในบริเวณที่มีความมันและความชื้นสูง เช่น หน้าผาก ไรผม หน้าอก หลัง และต้นแขน เนื่องจากเป็นจุดที่เชื้อ Malassezia เจริญเติบโตได้ดี มาดูกันว่าแต่ละจุดมีลักษณะสิวแบบไหน และจะรับมืออย่างไรให้ได้ผล!

1. หน้าอก

  • เป็นหนึ่งในจุดที่พบบ่อยที่สุด เนื่องจากมีต่อมไขมันจำนวนมาก และมักมีเหงื่อออกง่าย
  • การสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศไม่ดี การออกกำลังกาย หรือสภาพอากาศร้อนชื้น ทำให้เกิดการสะสมของน้ำมันและเหงื่อ ส่งผลให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
  • สิวยีสต์ในบริเวณนี้มักเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีแดงกระจายตัว ไม่ขึ้นเป็นสิวหัวดำหรือหัวขาวเหมือนสิวทั่วไป 

2. หลังและไหล่

  • เป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันจำนวนมาก และเหงื่อมักไหลลงมาจากศีรษะและลำตัว
  • การใช้แชมพูหรือครีมนวดผมที่มีสารอุดตัน (comedogenic ingredients) สามารถทำให้เชื้อราเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าล้างออกไม่สะอาด ก็จะเกิดเป็น สิวที่หลัง ได้ง่าย
  • มักพบในผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือใส่เสื้อผ้าที่แนบชิดกับผิวหนังเป็นเวลานาน ๆ

3. สิวที่คอ

  • บริเวณคอเป็นอีกจุดที่มักเกิดสิวยีสต์ โดยเฉพาะด้านหลังคอที่มีความมันสะสม
  • เหงื่อจากศีรษะที่ไหลลงมา รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือครีมกันแดดที่อุดตันรูขุมขน อาจกระตุ้นให้เชื้อราเติบโตมากขึ้น
  •  สิวที่คอ มักพบในผู้ที่มีผมยาวหรือผู้ที่ใส่เสื้อคอสูงบ่อย ๆ ซึ่งทำให้เกิดความอับชื้น

4. หน้าผากและไรผม

  • บริเวณนี้มักเกิดสิวยีสต์เนื่องจากต่อมไขมันในหนังศีรษะผลิตน้ำมันมาก
  • การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม เช่น แว็กซ์ เจล หรือครีมนวด ที่มีส่วนผสมของน้ำมันอาจกระตุ้นให้เชื้อราขยายตัว
  • สิวที่หน้าผากมักเป็นตุ่มแดงหรือมีหนองเล็ก ๆ และมักคัน ต่างจากสิวหัวดำหรือสิวอักเสบจากแบคทีเรียทั่วไป

5. แขนและต้นขา

  • แม้ว่าจะพบน้อยกว่าบริเวณอื่น แต่สิวยีสต์สามารถเกิดขึ้นที่ต้นแขนและต้นขาได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวมันหรือเหงื่อออกมาก
  • มักพบในคนที่ใส่เสื้อแขนยาวหรือกางเกงรัดรูปที่ระบายอากาศไม่ดี

สิวยีสต์ สิวเชื้อรา รักษาอย่างไร

สิวยีสต์ (Malassezia folliculitis) สามารถรักษาได้โดยการควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อรา Malassezia ลดความมันส่วนเกิน และป้องกันการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งการรักษาสามารถทำได้โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเจิรญเติบโตของเชื้อราและลดปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ 

การรักษาสิวยีสต์ด้วยผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง

สิวยีสต์ เกิดจากเชื้อ Malassezia จึงต้องใช้แนวทางการรักษาที่แตกต่างจากสิวทั่วไป ผลิตภัณฑ์ที่มี สารต้านเชื้อรา เพื่อช่วยลดจำนวนเชื้อราและฟื้นฟูสมดุลของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่กระตุ้นการเติบโตของเชื้อรา ก็เป็นสิ่งสำคัญ มาเรียนรู้วิธีดูแลผิวให้ถูกต้องเพื่อกำจัดสิวยีสต์กับ The One Clinic กันเลย

ยาต้านเชื้อราเฉพาะที่ (Topical Antifungal Agents)

  • Ketoconazole: มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราและลดการอักเสบของรูขุมขน มักใช้ในรูปแบบครีม
  • Terbinafine: ต้านเชื้อราหลายชนิด รวมถึง Malassezia มักใช้เป็นครีมทาผิว
  • Clotrimazole: ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราบนผิวหนัง

แชมพูและคลีนเซอร์ที่ช่วยลดเชื้อรา

  • Ketoconazole Shampoo: มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราและลดการอักเสบของรูขุมขน 
  • Selenium sulfide: มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของ Malassezia ลดความมันบนหนังศีรษะและผิว
  • Zinc pyrithione (ZPT): ลดการอักเสบและต้านเชื้อรา

ยาทาสิวที่ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน

  • Benzoyl Peroxide (BPO): ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน แต่ควรใช้ร่วมกับยาต้านเชื้อรา เพราะ BPO ฆ่าเชื้อแบคทีเรียแต่ไม่มีผลต่อเชื้อรา

ยาต้านเชื้อราที่รับประทาน (Oral Antifungal Agents)

  • Itraconazole หรือ Fluconazole: ใช้ในกรณีที่สิวยีสต์เป็นรุนแรงหรือรักษาด้วยยาทาภายนอกแล้วไม่ดีขึ้น

การรักษาสิวยีสต์ด้วยวิธีทางการแพทย์

หากสิวยีสต์ไม่ดีขึ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไป อาจต้องพึ่งการรักษาทางการแพทย์ เช่น ยาต้านเชื้อรา ทั้งแบบทาและแบบรับประทาน รวมทั้งเครื่องมือหรือหัตถการบางประเภทที่ช่วยลดการอักเสบและควบคุมความมันได้ 

การรักษาด้วยคลื่นวิทยุ Monopolar RF

  • Monopolar RF คือการรักษาที่ใช้คลื่นการปล่อยคลื่นวิทยุหรือ Radiofrequency (RF) เพื่อลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ไม่มีผลข้างเคียง เหมาะกับคนที่มีผิวมันซึ่งก่อให้เกิดสิวยีสต์ที่เดิมซ้ำ ๆ ซาก ๆ

การรักษาด้วย Intense Pulsed Light

  • Intense Pulsed Light คือการรักษาด้วยการใช้คลื่นแสงช่วยลดอาการอักเสบและควบคุมการผลิตน้ำมันของผิว

การทำ Photodynamic Therapy (PDT)

  • ใช้แสงและสารกระตุ้นเพื่อฆ่าเชื้อและลดการอักเสบบนผิวหนัง

วิธีป้องกันสิวยีสต์ สิวเชื้อรา

สิวยีสต์ มักเกิดจากความมันและความชื้นสูง การป้องกันที่ดีจึงเริ่มจากการรักษาความสะอาด ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ลดการสะสมของเชื้อรา หลีกเลี่ยงสกินแคร์ที่มีน้ำมันอุดมสมบูรณ์ ลดเหงื่อ และเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังออกกำลังกาย นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างก็สามารถป้องกันการเกิดสิวยีสต์ สิวเชื้อรา ได้อย่างเห็นผล

1. รักษาความสะอาดของผิวหนังและเส้นผม

  • ล้างหน้าและอาบน้ำทันทีหลังจากทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของ Zinc Pyrithione หรือ Selenium Sulfide เพื่อลดจำนวนเชื้อรา
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีน้ำมันหรือสารให้ความชุ่มชื้นมากเกินไป

2. ควบคุมความมันบนผิว

  • เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเนื้อบางเบา เช่น เจลหรือโลชั่นปราศจากน้ำมัน (Oil-Free, Non-Comedogenic)
  • หลีกเลี่ยงการใช้ ครีมบำรุงที่มีน้ำมันหนัก ๆ เช่น Coconut Oil, Cocoa Butter และ Mineral Oil
  • ใช้ Niacinamide เพื่อช่วยควบคุมความมันบนผิว

3. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นการเติบโตของเชื้อรา

  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อับชื้นหรือร้อนจัดเป็นเวลานาน
  • เลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย (Cotton) หรือผ้าใยสังเคราะห์ที่ดูดซับเหงื่อได้ดี
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มี Fatty Acids หรือ Esters เช่น Myristic Acid, Lauric Acid, Isopropyl Palmitate ซึ่งเป็นสารที่อาจกระตุ้นการเจริญเติบโตของ Malassezia

4. ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต

  • เปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าขนหนูเป็นประจำ (อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง)
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
  • รับประทานอาหารที่ช่วยเสริมสุขภาพผิว เช่น อาหารที่มี Zinc และ Omega-3
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงและอาหารที่กระตุ้นการอักเสบ เช่น นมวัว ของมัน ของทอด

5. ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันสิวยีสต์เป็นประจำ

  • ใช้แชมพูขจัดรังแคที่มี Zinc Pyrithione หรือ Selenium Sulfide ล้างหน้าและหนังศีรษะสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

รักษาสิวยีสต์ สิวเชื้อรา ที่ The One Clinic

The One Clinic คลินิกรักษาสิวและโรคผิวหนังย่านห้วยขวาง มีแพทย์เฉพาะทางให้คำปรึกษาปัญหาสิวทุกประเภท พร้อมออกแบบการรักษาแบบรายบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่ตรงจุด เห็นผล และไม่กลับมาเป็นซ้ำ โดยหมอหนึ่งจะดูแลทุกเคสด้วยความใส่ใจ ให้เวลาซักถามอย่างเต็มที่ และแนะนำโปรแกรมการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นยารับประทาน ยาทา โปรแกรมเลเซอร์ รวมทั้งหัตถการต่าง ๆ ในราคาที่จับต้องได้และสมเหตุสมผล

สำหรับใครที่สนใจ สามารถติดต่อผ่านทาง Line: @theoneclinic หรือ โทร. 093-5830921 ได้ทุกวันเลยค่ะ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหนังศีรษะลอก

Q : สิวยีสต์ สิวเชื้อรา หายเองได้หรือไม่?

A : ส่วนใหญ่ไม่หายเอง ถ้าปล่อยไว้มีโอกาสลุกลามหรือเป็นเรื้อรัง ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์

Q : สิวยีสต์ สิวเชื้อรา รักษาด้วยตนเองได้หรือไม่?

A : ถ้าอาการไม่รุนแรง ลองใช้แชมพูขจัดรังแคหรือครีมที่มีสารต้านเชื้อรา แต่ถ้าหนักขึ้นหรือไม่ดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์

Q : สิวยีสต์ สิวเชื้อรา ใข้อะไรดี?

A:  เลือกผลิตภัณฑ์ที่มี Ketoconazole, Zinc Pyrithione หรือ Selenium Sulfide ช่วยลดเชื้อรา คุมความมัน และป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นอีก

The One Clinic รักษาปัญหาผิวหนังและเส้นผมโดยแพทย์

สำหรับผู้ที่มีปัญหาหนังศีรษะลอก อักเสบ หรือติดเชื้อ สามารถนัดหมายเพื่อพบแพทย์ที่ The One Clinic ย่านห้วยขวางได้ทุกวัน เรามีแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและเส้นผมคอยดูแลและรักษาอย่างตรงจุด นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมการรักษาที่หลากหลาย สามารถเลือกให้ตรงกับต้นตอของปัญหา ราคาเข้าถึงได้ และไม่มีการขายคอร์สเสริม

หากคุณต้องการปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาปัญหาผิวหนัง สิว ฝ้า รอยดำ หรือแม้แต่ปัญหาผมร่วง ผมบาง ก็สามารถเข้ามาพูดคุยเบื้องต้นก่อนได้ค่ะ

บทความที่คล้ายกัน

สิวเครียด

สิวเครียดทำไงดี? ทำงานหนักพักผ่อนน้อย รู้สาเหตุ วิธีรักษา เคลียร์ผิวพังเผยผิวใส

เครียดงาน พักผ่อนน้อย สิวเครียดเกิดจากฮอร์โมนแปรปรวนเพราะความกดดันและพักผ่อนน้อย เจาะลึกสาเหตุ อาการ วิธีรักษา ให้ผิวกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

รังแค

รังแคเยอะคันหัว ทำยังไงดี? รู้สาเหตุ การป้องกันและวิธีรักษาที่เห็นผล

คันหัวมาก รังแคทำลายความมั่นใจ รู้สาเหตุ การป้องกัน และวิธีการรักษารังแคตรงสาเหตุ เพื่อคืนความมั่นใจ และหนังศีรษะกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง