รากผมไม่แข็งแรง รากผมฝ่อ รู้สาเหตุ อาการ และวิธีฟื้นฟูให้กลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง

หลายคนอาจสังเกตว่าผมร่วงมากผิดปกติ ผมบาง หรือศีรษะเริ่มล้านโดยไม่ทราบสาเหตุ หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญก็คือ “รากผมไม่แข็งแรง” หรือในบางกรณีอาจเกิดภาวะ “รากผมฝ่อ” ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และแนวทางฟื้นฟูรากผมให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง หากคุณกำลังมองหาคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอคำแนะนำได้ที่ The One Clinic ค่ะ

สารบัญ

รากผมไม่แข็งแรงคืออะไร?

รากผมไม่แข็งแรง คืออะไร

คำว่า “รากผมไม่แข็งแรง” หรือ “รากผมฝ่อ” จริง ๆ แล้วไม่ใช่คำทางการแพทย์เป๊ะ ๆ นะคะ แต่มันเป็นคำที่คนทั่วไปใช้เรียกอาการหรือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับเส้นผมและหนังศีรษะค่ะ

ถ้าจะให้หมออธิบายง่าย ๆ “รากผมไม่แข็งแรง” หมายถึง ภาวะที่รากผม (Hair Follicle) ซึ่งเป็นเหมือน ‘โรงงานผลิตเส้นผม’ ที่ฝังอยู่ในหนังศีรษะของเรา ทำงานได้ไม่ดี หรือเสื่อมสภาพลง ทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น:

  1. ผมร่วงง่ายกว่าปกติ: แค่สางผมเบา ๆ หรือสระผม ผมก็หลุดติดมือมาเยอะ
  2. เส้นผมที่ขึ้นใหม่มีขนาดเล็กลง: ผมดูบางลง เส้นเล็กลง ไม่หนาเหมือนเดิม
  3. ผมงอกช้า หรือไม่งอกเลย: ในบริเวณที่รากผมฝ่อไปแล้ว

สาเหตุที่ทำให้รากผมไม่แข็งแรงก็มีได้หลายปัจจัย เช่น:

  • รากผมฝ่อเล็กลง: จากปัจจัยทางพันธุกรรม หรือฮอร์โมน (ที่พบบ่อยในภาวะผมบางศีรษะล้าน)
  • หนังศีรษะสุขภาพไม่ดี: อาจมีการอักเสบ การติดเชื้อ หรือเลือดไปเลี้ยงรากผมได้ไม่เพียงพอ
  • ขาดสารอาหาร: สารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเส้นผมไม่เพียงพอ
  • วงจรผมผิดปกติ: มีผมเข้าสู่ระยะพักและร่วงเร็วขึ้น จากความเครียด ความเจ็บป่วย การคลอดบุตร ฯลฯ

ดังนั้น เวลาเราพูดว่า “รากผมไม่แข็งแรง” มันจึงเป็นการบ่งบอกถึงปัญหาที่ปลายเหตุค่ะ การจะแก้ปัญหาให้ตรงจุดจริง ๆ ต้องไปหาสาเหตุว่าทำไมรากผมถึงทำงานได้ไม่ดี หรืออ่อนแอลงนั่นเองค่ะ ถ้ากังวลเรื่องนี้อยู่ ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง

โครงสร้างของ "เส้นผม" (Hair Shaft)

เส้นผมที่เรามองเห็นและจับต้องได้มีโครงสร้างหลัก ๆ อยู่ 3 ชั้นค่ะ หมอจะลองให้นึกภาพตามนะคะ

  1. ชั้นนอกสุด (Cuticle – คิวติเคิล): เป็นเซลล์แบน ๆ ใส ๆ ที่เรียงซ้อนกันเหมือนเกล็ดปลา ทำหน้าที่เป็นเหมือน ‘เกราะ’ ป้องกันเนื้อผมด้านใน ถ้าเกล็ดผมชั้นนี้เรียบสนิท ผมเราก็จะดูเงางามค่ะ
  2. ชั้นกลาง (Cortex – คอร์เทกซ์): เป็นส่วนที่หนาที่สุดและสำคัญที่สุดของเส้นผมค่ะ ประกอบไปด้วยเส้นใยโปรตีน ‘เคราติน’ จำนวนมากที่เรียงตัวกัน ทำให้ผมมีความแข็งแรงและความยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังมีเม็ดสี ‘เมลานิน’ ที่กำหนดสีผมของเราอยู่ในชั้นนี้ด้วย
  3. ชั้นในสุด (Medulla – เมดัลลา): เป็นแกนกลางของเส้นผม อาจจะมีลักษณะเป็นโพรง หรืออาจไม่มีเลยในคนที่มีผมเส้นเล็กมาก ๆ หน้าที่ของมันยังไม่ชัดเจนนักค่ะ

ถ้ารากผมของเราแข็งแรงดี ได้รับสารอาหารเต็มที่ ก็จะสามารถสร้างเส้นผมที่มีโครงสร้างทั้ง 3 ชั้นนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เส้นผมแข็งแรง เงางาม ไม่เปราะหักง่ายค่ะ แต่ถ้ารากผมอ่อนแอหรือไม่แข็งแรง เส้นผมที่ผลิตออกมาก็อาจจะมีโครงสร้างที่ไม่สมบูรณ์หรืออ่อนแอตามไปด้วยนั่นเอง

เช็กเลย! สัญญาณเตือนว่ารากผมของคุณไม่แข็งแรง

รากผมไม่แข็งแรง สัญญาณเตือน

ถ้าเรากังวลว่ารากผมอาจจะกำลังอ่อนแอ หรือทำงานได้ไม่ดีเหมือนเดิม ลองสังเกตสัญญาณเตือนเหล่านี้ดูนะคะ:

  • ผมร่วงเยอะกว่าปกติ: เวลาสระผม หวีผม หรือแม้แต่ตอนนอน ตื่นมาเจอผมบนหมอนเยอะกว่าที่เคยเป็นอย่างเห็นได้ชัด (ปกติคนเราร่วงประมาณ 50-100 เส้นต่อวันเป็นเรื่องธรรมชาตินะคะ ถ้ามากกว่านี้ถือว่าผิดปกติ)
  • ผมดูบางลง: รู้สึกว่าผมโดยรวมดูบางลง จับแล้วไม่หนาเหมือนเดิม หรือเริ่มมองเห็นหนังศีรษะได้ชัดเจนขึ้นกว่าแต่ก่อน
  • แนวผมเปลี่ยนแปลง: สังเกตเห็นหน้าผากกว้างขึ้น แนวผมด้านหน้าเถิกสูงขึ้น หรือรอยแสกกลางศีรษะดูกว้างขึ้น
  • ผมยาวช้าผิดปกติ: รู้สึกว่าต้องใช้เวลานานกว่าเดิมมากในการที่ผมจะยาวขึ้น หรือผมไม่ยาวถึงระดับที่เคยยาวได้
  • เส้นผมที่ขึ้นใหม่ดูเล็กลง: ผมที่งอกใหม่มีลักษณะเส้นบางลง นุ่มกว่าปกติ ดูไม่มีน้ำหนักเหมือนผมเดิม
  • ผมเปราะบาง ขาดง่าย: รู้สึกว่าผมหักง่ายเวลาหวี มัด หรือจัดทรง มีเศษผมสั้น ๆ หลุดร่วงเยอะ
  • มีปัญหาหนังศีรษะร่วมด้วย: เช่น มีอาการคันหนังศีรษะเรื้อรัง เป็นรังแคเยอะผิดปกติ หนังศีรษะแดง อักเสบ หรือเป็นตุ่ม ๆ บ่อย ๆ 

ถ้าคุณไข้สังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อที่เป็นต่อเนื่องกัน หรือรู้สึกกังวล ก็เป็นสัญญาณที่ดีที่จะเข้ามาปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและเส้นผมเพื่อตรวจหาสาเหตุและวางแผนการดูแลที่เหมาะสมนะคะ

วิธีฟื้นฟูรากผมให้กลับมาแข็งแรง ป้องกันรากผมฝ่อ

สำหรับวิธีดูแลรากผมให้แข็งแรงขึ้น มีหลัก ๆ ดังนี้ค่ะ:

  1. กินอาหารให้ดี: เน้นทานให้ครบหมู่ ได้โปรตีนเพียงพอ (จากปลา ไข่ ถั่ว) กินผักใบเขียว ผลไม้หลากหลาย ให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน
  2. นอนพักผ่อนให้พอ ลดเครียด: การนอนหลับเพียงพอและรู้จักผ่อนคลายความเครียดสำคัญมาก เพราะความเครียดส่งผลเสียต่อรากผมโดยตรง
  3. สระผมอย่างอ่อนโยน: ใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน สระทำความสะอาดหนังศีรษะ ไม่ต้องเกาแรง ๆ ล้างให้สะอาด ไม่ทิ้งสารตกค้าง
  4. อย่าทำร้ายผมบ่อย ๆ: เลี่ยงการมัดผมแน่นตึง ลดการใช้ความร้อนสูง ๆ (ไดร์เป่าผม ที่หนีบผม) และระวังการใช้สารเคมีที่รุนแรง (ย้อม ดัด ยืด) กับเส้นผมและหนังศีรษะบ่อยเกินไป

สังเกตสัญญาณผิดปกติ: ถ้าผมร่วงเยอะมาก หรือผมบางลงอย่างชัดเจน ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อหาสาเหตุที่ต้นตอ อย่าปล่อยไว้จนปัญหาบานปลาย

อาหารบำรุงรากผมให้แข็งแรงจากภายใน

เรื่องอาหารการกินนี่สำคัญมากจริง ๆ ค่ะ เหมือนเราให้ ‘วัตถุดิบ’ และ ‘พลังงาน’ ที่ดีกับ ‘โรงงานผลิตเส้นผม’ หรือรากผมของเราจากข้างใน หมอแนะนำกลุ่มอาหารเหล่านี้เลยค่ะ ทานสลับ ๆ กันไปให้หลากหลายและสม่ำเสมอ

  1. โปรตีนคุณภาพดี: เป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผมเลยค่ะ ขาดไม่ได้!
    • ไข่ไก่: สุดยอดอาหารผมเลยค่ะ มีทั้งโปรตีน ไบโอติน สังกะสี ครบ
    • เนื้อปลา: โดยเฉพาะปลาทะเลที่มีไขมันดี เช่น ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาซาร์ดีน (ได้ทั้งโปรตีนและโอเมก้า 3)
    • เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน: เช่น เนื้อไก่ เนื้อหมู
    • เต้าหู้และถั่วต่าง ๆ: แหล่งโปรตีนที่ดีสำหรับคนทานมังสวิรัติ หรือทานเสริมได้
  2. ผักใบเขียวเข้ม: ช่วยเรื่องธาตุเหล็กและวิตามินต่างๆ
    • คะน้า ผักโขม บรอกโคลี ธาตุเหล็กสำคัญมากในการขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงรากผมค่ะ (ทานคู่กับอาหารวิตามินซีสูงจะช่วยให้ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้นนะคะ)
  3. ผลไม้หลากสี (เน้นวิตามินซีสูง):
    • ฝรั่ง (วิตามินซีสูงมาก) ส้ม มะละกอ สตรอว์เบอร์รี่ กีวี วิตามินซีช่วยสร้างคอลลาเจนที่สำคัญต่อโครงสร้างเส้นผมและช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก
  4. ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืช: เป็นของว่างที่มีประโยชน์มาก
    • อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน งา อุดมไปด้วยสังกะสี วิตามินอี วิตามินบี และไขมันดี
  5. ธัญพืชไม่ขัดสี:
    • ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต ให้วิตามินบี สังกะสี และธาตุเหล็ก

เคล็ดลับ: พยายามทานให้หลากหลายนะคะ ไม่เน้นทานอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำ ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนจริง ๆ ค่ะ การทานอาหารที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้รากผมแข็งแรงจากภายในได้ แต่ถ้าคุณไข้มีปัญหาผมร่วงผมบางมาก หรือสงสัยว่าอาจจะขาดสารอาหารตัวไหนเป็นพิเศษ การปรึกษาคุณหมอเพื่อตรวจเลือดหากจำเป็น ก็จะช่วยให้ดูแลได้ตรงจุดมากขึ้นค่ะ

ผลิตภัณฑ์แนะนำสำหรับบำรุงรากผมไม่แข็งแรง

ขอแนะนำเป็นประเภทของผลิตภัณฑ์และส่วนผสมที่น่าสนใจ ที่พอจะหาได้ทั่วไปนะคะ แต่ต้องย้ำก่อนว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นเหมือน ‘ตัวช่วยเสริม’ ค่ะ การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ (เช่น ปรับอาหาร ลดเครียด รักษาโรค) ยังคงสำคัญที่สุด

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำสำหรับบำรุงรากผม:

  1. เซรั่ม หรือ โทนิค สำหรับหนังศีรษะโดยตรง (Leave-on Scalp Serums/Tonics):
    • ประเภท: เป็นผลิตภัณฑ์แบบทาหรือฉีดลงบนหนังศีรษะแล้วไม่ต้องล้างออก เพื่อให้ส่วนผสมมีเวลาทำงานกับรากผม
    • มองหาส่วนผสม:
      • กลุ่มกระตุ้นการไหลเวียน/ลดการอักเสบ: คาเฟอีน (Caffeine) ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) สารสกัดจากโสม (Ginseng Extract) น้ำมันโรสแมรี่ (Rosemary Oil)
      • กลุ่มให้ความชุ่มชื้น/บำรุงหนังศีรษะ: แพนทีนอล (Panthenol) ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เปปไทด์บางชนิด (Peptides)
    • วิธีใช้: ใช้ตามคำแนะนำข้างขวด ส่วนใหญ่จะให้หยด/ฉีดลงบนหนังศีรษะที่สะอาด แล้วนวดเบา ๆ ใช้เป็นประจำทุกวันเพื่อให้เห็นผล
  2. ยาทาเฉพาะที่ ไมนอกซิดิล (Topical Minoxidil):
    • จุดเด่น: เป็น ยา ตัวเดียวที่หาซื้อได้เอง (ไม่ต้องใช้ใบสั่งยา) ที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ แล้วว่าช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมได้จริง โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะผมบางจากกรรมพันธุ์/ฮอร์โมน
    • รูปแบบ: มีทั้งแบบน้ำ (Solution) และแบบโฟม (Foam) ความเข้มข้นที่ใช้บ่อยคือ 2% และ 5%
    • ข้อควรจำ: ต้องใช้ต่อเนื่องทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง เป็นระยะเวลานาน (อย่างน้อย 4-6 เดือนขึ้นไป) ถึงจะเริ่มเห็นผล และถ้าหยุดใช้ ผมที่ขึ้นมาใหม่อาจจะร่วงไปค่ะ
  3. แชมพูและครีมนวด สูตรดูแลหนังศีรษะ:
    • เป้าหมาย: เน้นทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างอ่อนโยน ไม่ทิ้งสารตกค้าง ลดความมันส่วนเกิน หรือช่วยแก้ปัญหาหนังศีรษะอื่น ๆ (เช่น รังแค คัน) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้รากผม
    • มองหาสูตร: อ่อนโยน (Gentle) สำหรับหนังศีรษะแพ้ง่าย (Sensitive Scalp) ควบคุมความมัน (Oil Control) ขจัดรังแค (Anti-dandruff – หากมีปัญหารังแค) หรืออาจมีส่วนผสมเสริมคล้าย ๆ ในเซรั่มบ้าง (แต่ปริมาณอาจน้อยกว่าและมีเวลาสัมผัสหนังศีรษะสั้นกว่า)
    • ข้อควรรู้: แชมพูช่วยทำความสะอาดเป็นหลักค่ะ อย่าคาดหวังผลเรื่องการงอกของผมจากแชมพูเพียงอย่างเดียว
  4. อาหารเสริม (พิจารณาเป็นกรณีไป):
    • เมื่อไหร่ถึงควรทาน: หมอแนะนำให้ทาน ต่อเมื่อตรวจเลือดแล้วพบว่าร่างกายขาดสารอาหารตัวนั้นจริง ๆ เช่น ขาดธาตุสังกะสี วิตามินดี หรือไบโอตินในระดับที่มีผลต่อเส้นผม
    • ข้อควรระวัง: การทานวิตามินรวมหรือ “สูตรบำรุงผม” โดยที่ร่างกายไม่ได้ขาด อาจไม่จำเป็นและไม่ได้ช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นเสมอไปค่ะ เน้นทานอาหารหลักให้ดีก่อนดีที่สุด

คำแนะนำสำคัญ:

  • ความสม่ำเสมอ: ไม่ว่าเลือกใช้อะไร ต้องใช้ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
  • ผลลัพธ์ใช้เวลา: การฟื้นฟูรากผมเห็นผลช้า อย่าเพิ่งท้อใจนะคะ (อาจใช้เวลา 3-6 เดือนขึ้นไป)
  • ปรึกษาแพทย์: ถ้าผมร่วงเยอะ ผมบางชัดเจน หรือไม่แน่ใจว่าควรใช้อะไร การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรับคำแนะนำเฉพาะบุคคลเป็นทางที่ดีที่สุดค่ะ คุณหมออาจแนะนำยา หรือการรักษาอื่น ๆ ที่เหมาะสมได้

การรักษาทางการแพทย์สำหรับรากผมไม่แข็งแรง

ถ้าการดูแลตัวเองเบื้องต้น หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ทั่วไปยังไม่สามารถแก้ปัญหา “รากผมไม่แข็งแรง” หรือภาวะผมร่วงผมบางได้ คุณหมอก็จะพิจารณา การรักษาทางการแพทย์ ซึ่งมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ตรวจพบ ความรุนแรง และสภาพร่างกายของคนไข้แต่ละคนนะคะ หมอจะสรุปแนวทางหลัก ๆ ให้ฟังค่ะ

1. ยาทาเฉพาะที่ (Topical Medications):

  • ไมนอกซิดิล (Minoxidil): เป็นยาที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดและหาซื้อได้เองค่ะ ช่วยกระตุ้นให้เลือดไปเลี้ยงรากผมดีขึ้น และยืดระยะเวลาช่วงที่ผมเจริญเติบโต เหมาะมากสำหรับภาวะผมบางจากกรรมพันธุ์/ฮอร์โมน (Androgenetic Alopecia – AGA) ต้องใช้ต่อเนื่องระยะยาวนะคะ
  • ยาอื่น ๆ ตามแพทย์สั่ง:
    • ยาสเตียรอยด์ชนิดทา: ใช้ในกรณีที่มีการอักเสบของหนังศีรษะ เช่น ในโรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) หรือโรคผิวหนังอักเสบบางชนิด
    • อาจมียาทาตัวอื่น ๆ เช่น ยาที่มีส่วนผสมของ Finasteride/Dutasteride (ซึ่งปกติเป็นยากิน) หรือยาอื่น ๆ ที่แพทย์พิจารณาตามความเหมาะสมกับโรคค่ะ

2. ยารับประทาน (Oral Medications): (ยาเหล่านี้ต้องให้แพทย์สั่งเท่านั้นนะคะ)

  • ฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride) / ดูทาสเทอไรด์ (Dutasteride): เป็นยาหลักสำหรับรักษาภาวะผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชาย ออกฤทธิ์ยับยั้งฮอร์โมน DHT ที่ทำให้รากผมฝ่อ
  • ยาต้านฮอร์โมนเพศชายตัวอื่น (Anti-androgens): เช่น สไปโรโนแลคโตน (Spironolactone) หรือยาคุมกำเนิดบางชนิด อาจใช้ในผู้หญิงที่มีภาวะผมบางจากฮอร์โมนบางประเภท
  • อาหารเสริมตามผลเลือด: ในกรณีที่ตรวจเลือดแล้วพบว่า ขาดสารอาหาร เช่น ธาตุเหล็ก วิตามินดี สังกะสี อย่างชัดเจน คุณหมอจะสั่งขนาดที่เหมาะสมให้ทานเพื่อแก้ไขภาวะขาดสารอาหารนั้น ๆ 
  • ยาปฏิชีวนะ / ยาฆ่าเชื้อรา: ใช้ในกรณีที่มีการติดเชื้อรุนแรงที่หนังศีรษะซึ่งส่งผลต่อรากผม

3. หัตถการ / การบำบัด (Procedures / Therapies):

  • เลเซอร์พลังงานต่ำ (Low-Level Laser Therapy – LLLT): เป็นการใช้แสงเลเซอร์ความเข้มข้นต่ำกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม อาจช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือดและการเจริญเติบโตของผม มีทั้งแบบทำที่คลินิกและแบบหมวก/หวีเลเซอร์สำหรับใช้ที่บ้าน
  • การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet-Rich Plasma – PRP): เป็นการนำเลือดของคนไข้เองมาปั่นแยกเอาเฉพาะส่วนเกล็ดเลือดที่อุดมไปด้วยสารกระตุ้นการเจริญเติบโต (Growth Factors) แล้วฉีดกลับเข้าไปที่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นรากผมที่อ่อนแอหรืออยู่ในระยะพัก ให้กลับมาทำงานได้ดีขึ้น ต้องทำหลายครั้งต่อเนื่องค่ะและราคาค่อนข้างแพงค่ะ ถ้าราคาถูกมาก ๆ อาจจะต้องระวังว่าไม่ใช่การทำ PRP ที่แท้จริง
  • การปลูกผม (Hair Transplantation): เป็นวิธีสุดท้ายสำหรับกรณีที่ผมบางไปมาก หรือรากผมฝ่อถาวรไปแล้วค่ะ โดยการย้ายรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยหรือด้านข้าง มาปลูกในบริเวณที่มีปัญหา เป็นการผ่าตัดเล็กค่ะ เป็นการรักษาที่เห็นผลเร็วที่สุดค่ะ แต่หลังจากปลูกผมแล้วคนไข้ก็ยังต้องบำรุงรักษารากผมต่อเนื่องค่ะ

สำคัญที่สุด: การจะเลือกใช้วิธีไหน ต้องผ่านการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงจากคุณหมอก่อนนะคะ เพราะแต่ละวิธีก็เหมาะกับสาเหตุและปัญหาที่ต่างกันไป และการรักษาทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมอเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ ถ้ากังวลใจสารมารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอหนึ่ง ที่ The One Clinic ได้เลยนะคะ 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรากผมไม่แข็งแรง

Q : “รากผมไม่แข็งแรง” คืออะไรกันแน่?

A: เป็นคำที่คนทั่วไปใช้เรียกภาวะที่ รากผม (Hair Follicle) หรือ ‘โรงงานผลิตเส้นผม’ ใต้หนังศีรษะของเราทำงานได้ไม่เต็มที่ หรืออ่อนแอลงค่ะ ทำให้เกิดอาการผมร่วงง่าย ผมบาง หรือผมงอกช้า ไม่ใช่ชื่อโรคทางการแพทย์โดยตรงนะคะ

Q : อะไรคือสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้รากผมอ่อนแอลง?

A: มีได้หลายปัจจัยเลยค่ะ ที่พบบ่อยคือ กรรมพันธุ์และฮอร์โมน (ในภาวะผมบาง) การขาดสารอาหาร ที่จำเป็น ความเครียดสะสม ปัญหาหรือโรคที่หนังศีรษะ (เช่น รังแคเรื้อรัง การอักเสบ) ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด หรือโรคประจำตัวบางอย่างค่ะ

Q : สัญญาณเตือนว่ารากผมเราอาจจะกำลังมีปัญหา มีอะไรบ้าง? 

A: ลองสังเกตดูนะคะ ถ้ามีอาการเหล่านี้ เช่น ผมร่วงเยอะผิดปกติ (เกินวันละ 100 เส้น) ผมโดยรวมดูบางลง จนเห็นหนังศีรษะชัดขึ้น แนวผมด้านหน้าเถิกขึ้น หรือรอยแสกกว้างขึ้น ผมยาวช้ากว่าเดิมมาก หรือเส้นผมที่ขึ้นใหม่ดูเล็กลง ไม่มีน้ำหนักค่ะ

Q : รากผมที่อ่อนแอ สามารถฟื้นฟูให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม 100% ได้ไหม?

A: ขึ้นอยู่กับสาเหตุเลยค่ะ ถ้าเกิดจากปัจจัยชั่วคราว เช่น ความเครียด หรือขาดสารอาหาร พอเราแก้ไขสาเหตุนั้น รากผมก็มักจะกลับมาแข็งแรงได้ค่ะ แต่ถ้าเกิดจากกรรมพันธุ์ที่ทำให้รากผมฝ่อลงเรื่อย ๆ อาจจะทำให้กลับมาเหมือนเดิมเป๊ะ ๆ ไม่ได้ แต่เราก็มีวิธีดูแลและรักษาเพื่อชะลอ หรือกระตุ้นให้สภาพโดยรวมดีขึ้นได้ค่ะ

Q : มีอาหารอะไรที่ช่วยบำรุงรากผมเป็นพิเศษไหม? 

A: เน้นทานอาหารให้ครบหมู่และหลากหลาย ค่ะ โดยเฉพาะกลุ่ม โปรตีน (ไข่, ปลา, เนื้อไม่ติดมัน, ถั่ว), ธาตุเหล็ก (ผักใบเขียวเข้ม, ตับ), สังกะสี (หอยนางรม, ถั่ว, เมล็ดพืช), ไบโอติน (ไข่แดง, ตับ), และ วิตามินต่างๆ จากผักผลไม้สดค่ะ

Q : แชมพูหรือเซรั่มที่โฆษณาว่าช่วยบำรุงรากผมได้ผลจริงไหม? 

A: แชมพูที่ดีจะช่วยทำความสะอาดและรักษาสมดุลหนังศีรษะ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญค่ะ ส่วนเซรั่มหรือโทนิคบำรุงหนังศีรษะที่มีส่วนผสมดี ๆ ก็อาจเป็น ‘ตัวช่วยเสริม’ ได้ค่ะ แต่ผลิตภัณฑ์ที่พิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่าช่วยกระตุ้นผมได้จริงและหาซื้อได้เองคือ ยาไมนอกซิดิล (Minoxidil) ทั้งนี้ผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและต้องใช้อย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ

Q : ความเครียดทำให้ผมร่วง รากผมอ่อนแอได้จริง ๆ เหรอ? 

A: จริงค่ะ ความเครียดที่รุนแรงหรือเรื้อรังสามารถส่งผลกระทบต่อวงจรการเติบโตของเส้นผมได้ ทำให้ผมจำนวนมากเข้าระยะพักและหลุดร่วงพร้อม ๆ กัน (เรียกว่า Telogen Effluvium) แต่ส่วนใหญ่มักเป็นภาวะชั่วคราว เมื่อจัดการความเครียดได้ ผมก็จะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติค่ะ

Q : ได้ยินว่าตัดผมสั้นแล้วรากผมจะแข็งแรงขึ้น จริงไหม? 

A: ไม่จริงค่ะ การตัดผมเป็นการตัดที่ ‘เส้นผม’ ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่มีชีวิตแล้ว ไม่ได้ส่งผลใด ๆ ต่อรากผม ที่อยู่ใต้หนังศีรษะค่ะ การตัดผมสั้นอาจช่วยให้ผมดูหนาขึ้นชั่วคราว หรือดูแลผมเสียได้ง่ายขึ้นเท่านั้นค่ะ

Q : แบบไหนถึงเรียกว่าผมร่วงผิดปกติ และควรไปหาคุณหมอ? 

A: ถ้าสังเกตว่าผมร่วงเยอะมาก (มากกว่า 100-150 เส้นต่อวัน) เป็นเวลาต่อเนื่องนานกว่า 1-2 เดือน ผมบางลงอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัด มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ที่หนังศีรษะร่วมด้วย (เช่น คันมาก แดง เจ็บ เป็นตุ่ม มีสะเก็ด) หรือสงสัยว่าอาการผมร่วงเกี่ยวข้องกับโรคประจำตัวหรือยาที่ทานอยู่ ควรเข้ามาปรึกษาคุณหมอผิวหนังเพื่อตรวจวินิจฉัยค่ะ

Q : การรักษาทางการแพทย์สำหรับรากผมอ่อนแอหรือผมร่วง มีอะไรบ้าง? 

A: มีหลายวิธีค่ะ ตั้งแต่ยาทา (เช่น ไมนอกซิดิล) ยากิน (ยาที่ออกฤทธิ์กับฮอร์โมน หรือวิตามินเสริมกรณีที่ขาด) การฉีดสารบำรุงหรือเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP) ที่หนังศีรษะ การใช้เลเซอร์พลังงานต่ำ (LLLT) ไปจนถึงการปลูกผม ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดตามสาเหตุและความรุนแรงของแต่ละคนค่ะ ต้องตรวจประเมินก่อนนะคะ

บทความที่คล้ายกัน

สิวที่แขน

สิวที่แขน ขึ้นซ้ำๆ รู้สาเหตุ พร้อมวิธีรักษาและป้องกันอย่างตรงจุด

สิวที่แขนเกิดจากอะไร? รวมสาเหตุยอดฮิต วิธีรักษาสิวที่แขนแบบได้ผล พร้อมแนวทางป้องกันไม่ให้กลับมาอีก เหมาะกับทุกสภาพผิว

รากผมไม่แข็งแรง รากผมฝ่อ

รากผมไม่แข็งแรง รากผมฝ่อ รู้สาเหตุ อาการ และวิธีฟื้นฟูให้กลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง

ปัญหารากผมไม่แข็งแรง รากผมฝ่อเกิดจากอะไร? รวมสาเหตุ อาการที่ควรระวัง พร้อมวิธีฟื้นฟูรากผมให้แข็งแรง ให้เส้นผมกลับมาสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ

ผมร่วง

ผมร่วงเยอะมาก เกิดจากอะไร รู้สาเหตุ ป้องกัน วิธีรักษาให้ขายหาด!

ผมร่วงเยอะมากเกิดจากอะไร? เจาะลึกสาเหตุหลัก พร้อมวิธีป้องกันและรักษาผมร่วงแบบได้ผลปลอดภัย เพื่อให้ผมกลับมาหนาและสุขภาพดี